grandprixactual (1)
Search
Close this search box.

Author's posts

พระพุทธปุษยคีรีศรีสุวรรณภูมิ  วัดเขาทำเทียม   จังหวัดสุพรรณบุรี 

           พระพุทธปุษยคีรีศรีสุวรรณภูมิ    สำหรับในบทความนี้เราจะพาไปรู้จักประวัติความเป็นมาของวัดแห่งหนึ่งซึ่งถือได้ว่าเป็นวัดที่น่าสนใจอีกแห่งหนึ่งในจังหวัดสุพรรณบุรีเลยก็ว่าได้โดยวัดแห่งนี้นั้นเชื่อว่าเมื่อมีการพูดถึงชื่อวัดร้างทุกคนต้องรู้จักกันเป็นอย่างดีเนื่องจากไฮไลท์ของวัดแห่งนี้ที่สามารถสร้างชื่อเสียงให้วัดแห่งนี้

ให้กลายเป็นที่รู้จักของคนทั่วไปได้นั่นก็คือพระพุทธรูปหลวงพ่ออู่ทองหรือที่เรารู้จักกันดีในนามของพระพุทธปุษยคีรีศรีสุวรรณภูมิ ซึ่งถือว่าเป็นพระพุทธรูปที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกและถือว่าเป็นสุดยอดความยิ่งใหญ่ของพระพุทธรูปเลยก็ว่าได้ 

         สำหรับวัดที่เรากำลังพูดถึงกันอยู่นี้ก็คือวัดเขาทำเทียมซึ่งวัดแห่งนี้นั้นเป็นสถานที่ที่มีการสร้างพระพุทธรูปขนาดใหญ่นั่นก็คือพระพุทธปุษยคีรีศรีสุวรรณภูมิ หรือที่ชาวบ้านมักเรียกกันติดปากว่าหลวงพ่ออู่ทองนั่นเองซึ่งพระพุทธรูปแห่งนี้นั้นมีความสูงกว่า 180 เมตรในขณะที่ฐานของพระพุทธรูปนั้นมีความกว้างถึง 88 เมตรด้วยกัน

และถ้าหากว่าไปวัดบริเวณด้านหน้าตักของพระพุทธรูปก็จะเห็นได้ว่าพระพุทธรูปองค์นี้นั้นมีกี่หน้าตักกว้างถึง 65 เมตรเลยทีเดียวที่สำคัญขนาดพื้นที่ของวัดแห่งนี้นั้นมีขนาดพื้นที่ประมาณถึง 100 ไร่และที่เป็นไฮไลท์หรือเป็นจุดเด่นที่ทำให้คนมีการพูดถึงวัดเขาทำเทียมกันมากนั่นก็คือพระพุทธปุษยคีรีศรีสุวรรณภูมิ ที่มีการสร้างเอาไว้ตรงบริเวณหน้าผาด้วยหน้าผาดังกล่าวนั้นมีการตั้งชื่อว่าผามังกรบิน 

            อย่างไรก็ตามประวัติความเป็นมาระบุว่าวัดเขาทำเทียมแห่งนี้แต่เดิมไม่ได้เป็นวัดมาก่อนซึ่งที่นี่นั้นเคยเป็นเหมืองหินเก่ามาก่อนมีการสัมปทานเหมืองหินซึ่งทางจังหวัดนั้นได้มีการอนุญาตให้มีการทำเหมืองหินตรงบริเวณดังกล่าวอย่างไรก็ตามเมื่อหมดสัมปทานแล้วพื้นที่นี้ก็ได้มีกรมป่าไม้เข้ามาดูแลรับผิดชอบหลังจากนั้นจึงได้มีการสร้างวัดเขาทำเทียมขึ้นมา

            อย่างไรก็ตามเนื่องจากจังหวัดสุพรรณบุรีนั้นได้ชื่อว่าเป็นเมืองอู่ทองอยู่แล้วดังนั้นบริเวณที่สร้างวัดเขาทำเทียมจึงต้องการที่จะให้มีการระลึกถึงเกี่ยวกับเมืองอู่ทองเป็นหลักจึงได้มีการนำข้อมูลเกี่ยวกับประวัติทางโบราณคดีในยุคของพระเจ้าอโศกมหาราชที่ได้มีการสนใจเกี่ยวกับเรื่องของพระพุทธศาสนามาสร้างเป็นวัดแห่งนี้ซึ่งจะเห็นได้ว่าภายในวัดนอกจากจะมีพระพุทธปุษยคีรีศรีสุวรรณภูมิ ยังมีธรรมจักรเป็นยอดเขาอโศกรวมถึงยังมีสิ่งก่อสร้างเยอะแยะมากมายที่น่าสนใจซึ่งสิ่งก่อสร้างส่วนใหญ่นั้นจะเป็นสิ่งก่อสร้างทางโบราณคดีเกี่ยวกับเรื่องของพระพุทธศาสนาเป็นหลักนั่นเอง 

 

สนับสนุนโดย.  ufabet auto

แม่ร้องสื่อช่วย หลังลูกสาวเกิดอุบัติเหตุเสียชีวิต แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจบอกรถล้มเอง ไม่มีคู่กรณี

    ลูกสาวเกิดอุบัติเหตุเสียชีวิต   มีผู้ใช้ Facebook รายหนึ่งได้โพสต์ข้อความร้องขอความเป็นธรรมผ่านในโลกออนไลน์โดยมีการโพสต์เรื่องราวไว้เมื่อวันที่ 10 เดือนธันวาคมปีพ.ศ. 2564 ซึ่งระบุต้องการให้คนในโลกโซเชียลนั้นแชร์ให้เป็นข่าวดังเพราะต้องการขอความเป็นธรรมให้กับลูกสาวที่เสียชีวิตโดยหวังว่าเรื่องราวนี้ดังขึ้นมาสื่อจะนำข่าวนี้ไปนำเสนอเป็นข่าวดังและทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้เข้ามาดูแลคดีให้ 

       สำหรับรายละเอียดข้อความที่มีการโพสต์นั้นระบุว่าที่จังหวัดกาญจนบุรีมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นในช่วงเวลาตอนกลางคืนของวันที่ 19 เดือนพฤศจิกายน ปีพศ 2564   โดยอุบัติเหตุในครั้งนั้นไม่มีคนเห็นเหตุการณ์และไม่มีพยานหลักฐานใดๆแต่เป็นอุบัติเหตุที่มีผู้เสียชีวิต 1 รายเป็นหญิงสาวชื่อว่าน้องกุ๊บกิ๊บ

  โดยอุบัติเหตุในครั้งนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจยืนยันกับญาติของผู้เสียชีวิตว่าเป็นการเกิดอุบัติเหตุเพราะขับรถมอเตอร์ไซค์ล้มแล้วเสียชีวิตตรงบริเวณสะพานสมเด็จพระสังฆราชข้ามแม่น้ำแควใหญ่และไม่มีคู่กรณีใดๆซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องการปิดคดีอย่างเร็ว

      อย่างไรก็ตามแม่ของผู้เสียชีวิตและญาติคนอื่นๆได้มาเห็นสภาพศพแล้วคิดว่าสภาพศพแบบนี้น่าจะเกิดจากการขับรถเฉี่ยวชนกันไม่น่าจะเกิดจากการขับรถแล้วรถล้มแล้วเสียชีวิตจึงร้องขอให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยทำการตรวจสอบข้อมูลอีกครั้งหนึ่งแต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยืนยันว่าเป็นแค่อุบัติเหตุรถล้มและบอกกับทางครอบครัวของผู้เสียชีวิตว่าถ้าไม่เชื่อให้ทางครอบครัวของผู้เสียชีวิตไปหาหลักฐานมายืนยันกับทางเจ้าหน้าที่เอง

   อย่างไรก็ตามแม่ของผู้เสียชีวิตยืนยันว่าทุกคนในครอบครัวต่างก็พยายามหาหลักฐานจนไปได้ภาพจากกล้องวงจรปิดซึ่งมีรถต้องสงสัยว่าจะเป็นรถคู่กรณีที่ขับรถเฉี่ยวชนกับรถของน้องกุ๊บกิ๊บแล้วขับหนีไปได้นำหลักฐานนี้ไปให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบแต่ปรากฏว่าผ่านไปเป็นระยะเวลานานแล้วจนถึงตอนนี้เดือนธันวาคมแล้วแต่คดีความไม่คืบหน้าแต่อย่างใดเมื่อมีการทวงถามไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจก็บ่ายเบี่ยงแค่ว่าต้องรอผลการชันสูตรศพเสียก่อนทำให้ในตอนนี้ทุกคนในครอบครัวต่างก็พากันถูกใจเพราะเกรงว่าผู้เสียชีวิตจะตายฟรี

    ดังนั้นครอบครัวของผู้เสียชีวิตจึงต้องการโพสต์เรื่องราวร้องเรียนให้เรื่องนี้เป็นข่าวดังจนมีสื่อนำไปทำข่าวเพื่อที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้เร่งหาตัวคนร้ายมาดำเนินคดีและอยากวอนให้สื่อช่วยกันประสานงานติดตามคดีนี้จนกว่าคดีจะสิ้นสุดเพราะอยากให้ลูกสาวที่เสียชีวิตได้รับความเป็นธรรมซึ่งในตอนนี้ทุกคนในครอบครัวต่างก็พากันถูกใจเป็นอย่างมากกลัวเจ้าหน้าที่ตำรวจปิดคดีหนี และคนร้ายลอยนวล

 

สนับสนุนโดย.    ufabet ทางเข้าเล่น

พ่อเห็นลูกชายป่วยติดเตียงแล้วสงสารตัดสินใจฆ่าลูกชายและฆ่าตัวตายตาม 

    ตัดสินใจฆ่าลูกชาย  เมื่อวันที่ 23 เดือนตุลาคมปี พ.ศ. 2564 มีการรายงานข่าวออกมาจากสำนักข่าวช่อง 3 เกี่ยวกับครอบครัวหนึ่งซึ่งอยู่ในจังหวัดนครพนมโดยครอบครัวนี้มีอยู่ด้วยกัน 4 คนซึ่งมีพ่อมีแม่และลูกชายวัย 22 ปีซึ่งเป็นผู้ป่วยติดเตียงลูกสาวคนเล็กอายุ 10 ขวบอย่างไรก็ตามครอบครัวนี้ต้องเกิดเรื่องเศร้าสลดเกิดขึ้นเมื่อผู้นำครอบครัวก็คือคนเป็นพ่อได้ตัดสินใจฆ่าลูกชายของตนเองที่เป็นผู้ป่วยติดเตียงหลังจากนั้นก็ฆ่าตัวเองตายตาม  

        สำหรับเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นที่บ้านหลังหนึ่งในเขตบ้านหนองไชยวาน   ผู้ที่แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจก็คือผู้เป็นแม่ของผู้เสียชีวิต   โดยเธอเล่าว่าในวันเกิดเหตุนั้นเธอและลูกสาวขี่รถจักรยานออกไปที่ท้องนาเพื่อดูสภาพของนาข้าวว่าสามารถที่จะเก็บเกี่ยวได้แล้วหรือยังก่อนออกไปเธอได้บอกกับสามีของเธอให้ช่วยดูแลรูปที่พุ่นผู้ป่วยติดเตียง

โดยให้ป้อนข้าวให้ลูกและอยู่เป็นเพื่อนลูกส่วนการทำแผนนั้นเธอจะกลับมาทำความสะอาดแผลให้ลูกเองซึ่งสามีของเธอนั้นก็ไม่ได้ว่าอะไรเพราะโดยปกติสามีจะเป็นคนดูแลลูกชายอยู่แล้วเนื่องจากว่าสามีรักลูกชายคนนี้มาก

         อย่างไรก็ตามเธอกล่าวว่าหลังจากที่เธอไปที่นาได้เพียงแค่ 1 ชั่วโมงก็รีบกลับมาที่บ้านแต่ปรากฏว่าเมื่อกลับมาถึงบ้านพบว่าบ้านของเธอนั้นทั้งประตูและหน้าต่างมีการล็อกเอาไว้ทำให้เธอรู้สึกถึงความผิดปกติ

เพราะโดยปกติแล้วบ้านของเธอจะไม่ล็อคประตูหน้าต่าง   ในเมื่อเธอเดินไปที่เตียงของลูกชายก็ไม่พบว่าลูกชายนอนอยู่บนเตียงจึงได้เดินสำรวจไปบริเวณรอบบ้านพบว่าลูกชายถูกฆ่าตายด้วยการแขวนคออยู่ที่บริเวณหลังบ้านเธอจึงตะโกนเรียกให้เพื่อนบ้านมาช่วยเหลือนำร่างลูกชายของเธอลงมาและพยายามช่วยกันปั๊มหัวใจแต่ลูกชายของเธอนั้นก็เสียชีวิตแล้ว

          ซึ่งระหว่างนั้นเธอก็ตะโกนเรียกหาสามีของเธอแต่ก็ไม่พบเพื่อนบ้านจึงได้ช่วยกันออกตามหาพบว่าสามีของเธอนั้นตายห่างจากจุดที่พบศพลูกชายของเธอเพียงแค่ 500 เมตรเท่านั้น  ufabet เว็บหลัก  โดยในสภาพที่ใช้มีดปาดคอตัวเองตาย  ซึ่งตรงจุดที่สามีฆ่าตัวตายนั้นอยู่ตรงบริเวณศาลาริมสระน้ำหนองไชยวาน  

         อย่างไรก็ตามทางด้านภรรยาของผู้เสียชีวิตยืนยันว่าสามีของเธอน่าจะตัดสินใจที่จะฆ่าลูกและมีการวางแผนมาสักระยะหนึ่งแล้วเนื่องจากว่าก่อนหน้านี้ลูกชายทำงานหาเงินเลี้ยงครอบครัวแต่มาประสบอุบัติเหตุจนกลายมาเป็นผู้ป่วยติดเตียงเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมาซึ่งสามีของเธอนั้นรักลูกชายคนนี้มากและมักจะร้องไห้ขณะที่มองเห็นลูกชายนอนเป็นคนป่วยติดเตียงเธอเชื่อว่าสามีของเธอตัดสินใจฆ่าลูกชายเพราะว่าไม่อยากเห็นลูกชายทรมานส่วนที่ต้องฆ่าตัวเองตายนั้นก็เพราะว่ารู้สึกผิดและจะได้ไปอยู่กับลูกชายนั่นเอง 

แก๊งเงินกู้ทวงหนี้โหดอัดคลิปตอนตบหน้าลูกหนี้ส่งให้แม่ดู อ้างไม่กลัวตำรวจเพราะยัดเงินใต้โต๊ะ 

         แก๊งเงินกู้ทวงหนี้โหด   ช่วงนี้เป็นช่วงที่ประชาชนมีปัญหาด้านการเงินเป็นอย่างมากบางคนตกงานมานานจนไม่มีเงินเก็บที่จะเอามาใช้จ่ายแล้วดังนั้นวิธีการแก้ไขของหลายๆคนนั้นจึงมีการกู้เงินกับทางธนาคารหรือถ้าหากใครบางคนที่กู้เงินกับธนาคารไม่ได้ก็จะต้องหมดทางเลือกโดยหันไปพึ่งพิงแก๊งปล่อยเงินกู้

ซึ่งแน่นอนว่าปัจจุบันการปล่อยเงินกู้นั้นถือว่ามีความผิดทางกฎหมายและผู้คนก็เริ่มไม่ค่อยปล่อยเงินกู้กันแล้วยกเว้นว่าในขณะนี้มี Application ปล่อยเงินกู้ออกมา

        ซึ่งสามารถที่จะดาวน์โหลด App แล้วลงทะเบียนผ่าน App และได้รับเงินมาใช้งานได้เลยทันทีโดยที่ไม่จำเป็นที่จะต้องมีอะไรค้ำประกันอย่างไรก็ตามการกู้เงินผ่านแอพพลิเคชั่นนั้นดอกเบี้ยมหาโหดเป็นอย่างมาก  แน่นอนว่ามีคนหลงเข้าไปทำการกู้เงินและต้องถูกเจ้าหนี้ติดตามทวงหนี้สร้างความอับอายมาหลายคนแล้วและทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจก็มีการแจ้งผ่านทางสื่อต่างๆ  เพื่อเตือนภัยไม่ให้ประชาชนหลงเชื่อแก๊งเงินกู้แล้วไปดาวน์โหลดแอปเพื่อไปกู้หนี้ยืมสินมาแต่ก็ยังมีคนเป็นจำนวนมากที่ไม่มีทางเลือกถึงแม้ดอกเบี้ยจะแพงก็จำเป็นที่จะต้องกู้มาใช้จ่าย

        ล่าสุดเมื่อวันที่ 25 เดือนตุลาคมปี พ.ศ. 2564  ได้มีเพจชื่อดังเพจหนึ่งออกมาเปิดเผยคลิประบุว่ามีคุณแม่รายหนึ่งได้รับคลิปจากแก๊งปล่อยเงินกู้ซึ่งในคลิปนั้นเป็นคลิปที่มีการใช้ปืนข่มขู่จะยิงลูกของคุณแม่รายดังกล่าวเนื่องจากว่าลูกชายของเธอนั้นไปทำการกู้เงินแล้วไม่มีเงินไปใช้หนี้  โดยแก๊งเงินกู้ยังครูอีกด้วยว่าถ้าหากไม่รีบนำเงินมาใช้หนี้พวกเขาจะยิงลูกชายเธอทิ้งพร้อมกันนี้ยังมีการใช้ปืนตบหน้าลูกหนี้ส่งมาให้แม่ของลูกหนี้คนดังกล่าวด้วย  

          แน่นอนว่าคุณแม่คนดังกล่าวก็มีการโต้ตอบกลับไปโดยข่มขู่ว่าจะมีการแจ้งความดำเนินคดีแต่แก๊งปล่อยเงินกู้กับบอกว่าพวกเขาไม่กลัวเจ้าหน้าที่ตำรวจเนื่องจากว่าเขามีการเอาเงินยัดใต้โต๊ะเรียบร้อยแล้ว  ทางเข้า ufabet   ดังนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจะไม่จับกุมพวกเขาอย่างแน่นอนอย่างไรก็ตามคุณแม่คนดังกล่าวได้มีการนำหลักฐานไปแจ้งความดำเนินคดีกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว

แต่เธอกลัวว่าคดีความจะไม่คืบหน้าเพราะอาจจะมีการยัดใต้โต๊ะกันเกิดขึ้นจริงและที่สำคัญเธอไม่อยากให้แก๊งเงินกู้ไปหลอกลวงใครคนอื่นได้อีกเธอจึงนำข้อความที่เธอเจอด้วยตัวเองนี้ไปโพสต์ใน Facebook เพื่อเป็นอุทาหรณ์และบอกต่อให้กับคนในโลกออนไลน์ได้ให้มัดระวังการกู้เงินผ่านทางแอพพลิเคชั่น  

สามีหัวร้อนไม่พอใจภรรยาที่ชอบสีชมพูมากไปใช้ ค้อนทุบครัวสีชมพูพังเสียหายยับเยิน 

   สามีหัวร้อนไม่พอใจภรรยา เชื่อว่าคนแต่ละคนนั้นจะมีสีโปรดของตนเองซึ่งสีโปรดของแต่ละคนนั้นก็จะแตกต่างกันออกไปแต่โดยปกติแล้วผู้หญิงส่วนใหญ่มักจะชื่นชอบสีชมพูโดยเฉพาะยิ่งถ้าเป็นเด็กผู้หญิงสีชมพูจะเป็นสีสดอันดับหนึ่งเลยก็ว่าได้อย่างไรก็ตามบางคนถึงแม้ว่าจะโตขึ้นมาแล้วแต่สีโปรดก็ยังคงไม่เปลี่ยนแปลงยังคงโปรดปรานสีชมพูจนสร้างความไม่พอใจให้กับคนใกล้เคียงได้เช่นเดียวกัน

     สำหรับความชื่นชอบเกี่ยวกับสีชมพูนั้นได้มีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง ที่สีชมพูเป็นสาเหตุในการทำให้คนไม่พอใจได้ อย่งเช่น หญิงสาวรายหนึ่งซึ่งเธอได้มีการโพสต์แต่เป็นคลิปวีดีโอที่เธอถ่ายในขณะที่สามีของเธอกำลังทุบห้องครัวโดยคลิปดังกล่าวนั้นเธอถูกนำไปโพสใน tiktok ซึ่งถ้าถูกโพสต์ไปเมื่อวันที่ 5 เดือนพฤศจิกายน ปีพ.ศ. 2564 

        หลังจากที่เจ้าของโพสต์ได้มีการโพสต์ผิดดังกล่าวออกไปมีคนเป็นจำนวนมากที่เข้ามาดูคลิปซึ่งทางคนที่โพสต์คลิปก็ระบุว่าชายในคลิปนั้นคือสามีของเธอเขากำลังใช้ค้อนทุบทำลายข้าวของภายในห้องครัวจนพังเสียหายยับเยินส่วนสาเหตุนั้นก็เพราะว่าสามีของเธอนั้นไม่พอใจที่เธอนั้นทาห้องครัวและใช้ข้าวของเครื่องใช้เป็นสีชมพูทั้งหมด

โดยระบุว่าเธอเป็นคนที่ชื่นชอบสีชมพูมากไม่ว่าจะเป็นรถยนต์หรือแม้แต่โซฟากระเป๋ารองเท้ารวมถึงเสื้อผ้าข้าวของเครื่องใช้ทุกอย่างที่เธอใช้งานจะถูกซื้อเป็นสีชมพูทั้งหมดทำให้สามีของเธอนั้นค่อนข้างไม่พอใจซึ่งเธอเองนั้นก็ได้ถ่ายภาพทั้งรองเท้าและรถยนต์รวมถึงโซฟาที่เป็นสีชมพูโพสต์ลงในติ๊กต๊อกให้ดูด้วย  

    อย่างไรก็ตามชาวเน็ตมองว่าถึงแม้ว่าฝ่ายชายจะไม่ชื่นชอบสีชมพูของภรรยาของตัวเองมากแค่ไหนก็ควรจะมีวิธีการพูดคุยกันโดยสันติโดยที่ไม่จำเป็นที่จะต้องพังข้าวของให้เสียหายเหมือนกับที่ฝ่ายชายกำลังทำอยู่อย่างในคลิปและที่สำคัญห้องครัวนั้นเป็นห้องที่เป็นพื้นที่ของฝ่ายหญิงในการที่จะทำกับข้าวดังนั้นฝ่ายชายจึงไม่จำเป็นที่จะต้องไปทำลายห้องครัว  อย่างไรก็ตามความคิดเห็นของบางส่วนยังมองว่าถ้าหากฝ่ายหญิงเป็นคนที่ชื่นชอบสีชมพูมากแทนที่จะเปลี่ยนสีที่ตัวเองชอบการเปลี่ยนสามีน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีมากกว่า 

      สำหรับคลิปที่มีการโพสต์เกี่ยวกับสามีหัวร้อนที่ไม่พอใจสีชมพูในห้องครัวของภรรยาของตนเองนั้นเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศมาเลเซียโดยคลิปดังกล่าวนั้นไม่ได้มีการตรวจสอบว่าเป็นการสร้าง Content ขึ้นมาเพื่อหวังสร้างกระแสหรือไม่หรือเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครอบครัวจริงๆ 

 

สนับสนุนโดย.    ufabet เว็บหลัก

รถเบนซ์จอดทิ้งเอาไว้ที่ลานจอดรถของโรงแรมนาน  4 ปีถูกเลขเก็บค่าจอด 2.5 แสนบาท 

            รถเบนซ์จอดทิ้งเอาไว้ที่ลานจอดรถ  สำหรับความขี้หลงขี้ลืมนั้นเชื่อว่าหลายคนคงเคยเป็นเหมือนกันซึ่งบางคนก็อาจจะลืมกระเป๋าบางคนอาจจะลืมข้าวของเครื่องใช้ต่างๆแต่เชื่อว่าส่วนใหญ่ที่ลืมนั้นก็น่าจะเป็นของชิ้นเล็กชิ้นน้อยไม่ใช่ของชิ้นใหญ่อะไรอย่างไรก็ตามประสบการณ์ที่ขี้หลงขี้ลืมนั้นทุกคนมีประสบการณ์ที่แตกต่างกันออกไปแต่มีหญิงสาวรายหนึ่งซึ่งเธอมีประสบการณ์ขี้หลงขี้ลืมที่ยิ่งใหญ่มากๆและการที่เธอขี้ลืมนั้นก็ทำให้เธอนั้นต้องสูญเสียเงินเป็นจำนวนมากเช่นเดียวกัน

       มีการเปิดเผยออกมาจากเว็บไซต์ชื่อดังของประเทศจีนเมื่อวันที่ 4 เดือนสิงหาคมปีพศ 2564 โดยเว็บไซต์ดังกล่าวระบุว่าที่โรงแรมแห่งหนึ่ง  ซึ่งเป็นโรงแรมชื่อดังในเมืองเฉิงตู  มณฑลเสฉวน   ทางผู้จัดการโรงแรมได้ติดต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ช่วยตามหาเจ้าของรถเบนซ์คันหนึ่งโดยทางผู้จัดการโรงแรมระบุว่ารถเบนซ์คันดังกล่าวมีการนำมาจอดทิ้งไว้ที่บริเวณลานจอดรถของโรงแรมเป็นระยะเวลานานแล้วคำนวณแล้วทั้งสิ้นเป็นระยะเวลาถึง 4 ปีด้วยกันแล้ว

        อย่างไรก็ตามในการจอดรถไว้ที่โรงแรมนั้นจะต้องมีค่าใช้จ่ายที่เป็นค่าเช่าพื้นที่ในการจอดรถซึ่งตลอดระยะเวลา 4 ปีที่นำรถมาจอดนี้โรงแรมมีการคิดเงินรวมแล้วอยู่ที่ประมาณ 50,000 หยวน ด้วยกันหรือถ้าหากคิดเป็นเงินไทยก็เป็นยอดเงินมากกว่า  256,000 บาทเข้าไปแล้ว 

        อย่างไรก็ตามทางด้านผู้จัดการโรงแรมระบุว่ารถคันนี้จอดมานานแล้วซึ่งในตอนแรกนั้นเขาคิดว่าเป็นลูกค้าที่มาเข้าพักที่โรงแรมและอาจจะมีการเช่าห้องพักในระยะยาวจึงไม่ได้ติดใจอะไรแต่หลังจากนั้นเมื่อเวลาผ่านไปหลายเดือนพบว่ารถคันดังกล่าวนั้นไม่ได้มีการขยับเขยื้อนไปไหนแต่เขาก็ไม่ได้ตรวจสอบเนื่องจากว่าลูกค้าสามารถจอดรถได้และมีการคิดค่าบริการสำหรับการนำรถมาจอดอยู่แล้ว

      สำหรับสาเหตุที่ทางผู้จัดการโรงแรมจำเป็นต้องให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจตามหาเจ้าของรถเบนซ์คันดังกล่าวก็เพราะว่าในตอนนี้ทางโรงแรมจะมีการปรับปรุงลานจอดรถซึ่งจะต้องมีการย้ายรถออกจากพื้นที่ดังนั้นจึงเหลือรถเบนซ์คันเก่าคันเดียวที่ยังจอดอยู่ผู้จัดการโรงแรมจึงจำเป็นที่จะต้องให้เจ้าของรถมาย้ายรถออกไป

       อย่างไรก็ตามเมื่อทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการตรวจสอบทะเบียนรถก็พบว่าเจ้าของรถเบนซ์คันดังกล่าวนั้นเป็นเศรษฐีนีคนหนึ่งซึ่งเมื่อติดต่อไปเธอก็ระบุว่าตัวเธอนั้นลืมไปแล้วว่าเธอมีการนำรถเบนซ์ไปจอดที่โรงแรมดังกล่าวโดยระบุว่าเธอไปเที่ยวปาร์ตี้กับเพื่อนๆโดยเธอขับรถไปแต่เนื่องจากปาร์ตี้เสร็จแล้ว

เพื่อนเธอได้ขับรถมาส่งและเธอก็ลืมไปแล้วว่าเธอขับรถไปเพราะเธอมัวแต่ทำงาน และเธอมีรถหลายคันจนเธอลืมไปว่ารถเธอหายไป 1 คัน อย่างไรก็ตามเธอยินดีจ่ายค่าจอดรถที่มีการจอดทิ้งไว้นานโดยทางโรงแรมมีการลดให้กับเธอเหลือเพียงให้เธอจ่ายเป็นเงินแค่เพียง 6000 หยวนเท่านั้น 

 

สนับสนุนโดย.    สมัคร gclub royal1688

ครูสาวสุดเซ็งสักปากตามที่ยายบอกสภาพกับบวมเจ่อยังกับผึ้งต่อย

 

       สักปากบวมเจ่อยังกับผึ้งต่อย  เมื่อวันที่ 29 เดือนมกราคม ปีพ.ศ. 2565 ได้มีหญิงสาวคนหนึ่งซึ่งระบุว่าเธอชื่อครูปัทได้โพสต์คลิปลงใน Application tiktok ซึ่งเป็นภาพของเธอซึ่งมีสภาพปากบวมเจ่อโดยระบุว่าเธอนั้นไปทำการสักปากมา  ทางด้านครูปัทได้เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ฟังว่าในวันดังกล่าวนั้นเธอได้พาคุณยายไปที่ร้านเสริมสวยเพื่อทำการสักคิ้วระหว่างที่มีการต่อเติมคิ้วจนเสร็จเรียบร้อยดีแล้วปรากฏว่าร้านเสริมสวยนั้นว่างไม่มีคนมารอคิวทำเสริมสวยเลยคุณยายของเธอจึงได้แนะนำให้เธอนั้นทำการสักปากดูโดยบอกว่าออกมาแล้วจะสวยและที่สำคัญไม่เจ็บอีกด้วย

 

               นอกจากนี้ถ้าหากทำแล้วพรุ่งนี้เธอก็สามารถทำปากสวยๆของเธอนั้นไปออกงานเลี้ยงได้เลยซึ่งแน่นอนว่าคุณครูปัดนั้นค่อนข้างเชื่อมั่นในตัวคุณยายและเชื่อมั่นร้านค้านี้มากเพราะคุณยายใช้บริการร้านเสริมสวยนี้มานานดังนั้นเมื่อเห็นเป็นจังหวะดีที่ไม่มีลูกค้าคุณครูปัทก็เลยทำการสักปากตามที่คุณยายแนะนำแต่หลังจากสักปากเสร็จเรียบร้อยแล้วปรากฏว่าปากที่คิดว่าจะสวยและพาไปออกงานได้นั้นกับบวมเจ่อขึ้นมาซึ่งมีสภาพไม่แตกต่างกับคนที่โดนผึ้งต่อยปากกันเลยทีเดียว

 

       อย่างไรก็ตามครูปัทมั่นใจว่าอีกไม่นานสภาพปากที่บวมมันก็จะต้องยุบลงอย่างแน่นอนซึ่งหลังจากที่ทำการสักปากเสร็จเรียบร้อยแล้วคุณครูปัทก็ได้ไปกินก๋วยเตี๋ยวก่อนที่จะกลับบ้านหลังจากนั่งกินก๋วยเตี๋ยวเสร็จแม่ค้าที่เห็นปากของคุณครูปัดนั้นก็ต้องตกใจเป็นอย่างมากนึกว่าก๋วยเตี๋ยวที่แม่ค้าทำให้ลูกค้ากินนั้นใส่พริกเยอะมากจนเกินไปจนทำให้ลูกค้ามีสภาพปากบวมเจ่อ

 

       ซึ่งคุณครูปัทต้องอธิบายให้แม่ค้าก๋วยเตี๋ยวฟังว่าแท้ที่จริงแล้วปากของครูปัทบวมเพราะว่าไปทำการสักปากนั่นเองไม่เกี่ยวกับก๋วยเตี๋ยวของแม่ค้าแต่อย่างใดเรื่องนี้กลายเป็นกระแสให้ชาวโซเชียลพากันขันและแซวเล่นกันอย่างมากมายเลยทีเดียว

 

       อย่างไรก็ตามครูปัดแนะนำเพิ่มเติมด้วยว่าหากใครที่สนใจจะไปทำการสักปากนั้นจะต้องมั่นใจว่าจะสามารถยอมรับสภาพหน้าตัวเองได้ไปสักระยะหนึ่งเพราะกว่าที่ปากจะยุบลงนั้นก็ใช้ระยะเวลานานถึง 4 ชั่วโมงเลยทีเดียวและกว่าปากจะสวยงามเป็นปกตินั้นก็ต้องใช้ระยะเวลานานเกือบ 3 วันเลยทีเดียวซึ่งหลังจากที่ปากของครูปัดยุบลงกลายเป็นปากที่สวยงามตามปกติแล้วคุณครูปัดบอกว่าเธอรู้สึกโล่งใจเป็นอย่างมาก เพราะกลัวว่าปากจะบวมเจ่อเหมือนพิมรี่พายแบบถาวร 

 

สนับสนุนโดย.    เครดิตฟรี gclub

ประวัตินักแต่งเพลงคนแรกของโลก 

     นักแต่งเพลงคนแรก   หากมีการพูดถึงเรื่องของเสียงเพลงเชื่อว่าคนแต่ละคนนั้นมีความชื่นชอบเพลงที่แตกต่างกันออกไปบางคนชอบเพลงแนวคลาสสิคบางคนชอบเพลงแนวร็อคหรือแนวอัลเทอร์เนทีฟนอกจากนี้ปัจจุบันยังมีแนวเพลงต่างๆเกิดขึ้นมาใหม่มากมายหลายแนว 

อย่างไรก็ตามเราจะไม่สามารถตีเพลงฟังได้เลยถ้าเราขาดนักแต่งเพลงซึ่งในปัจจุบันนี้ไม่ว่าจะเป็นประเทศไทยหรือต่างประเทศก็ตามจะมีนักแต่งเพลงขึ้นมามากมายเต็มไปหมดในแต่ละปีนั้นจะมีนักแต่งเพลงหน้าใหม่ๆและมีการรังสรรค์ผลงานออกมาให้พวกเราได้ฟังเพลงกัน   

        หากใครที่ชื่นชอบผลงานของศิลปินด้านไหนเป็นพิเศษก็อาจจะหาข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องของนักแต่งเพลงว่าใครเป็นคนแต่งเพลงนี้  แต่คุณรู้หรือไม่ว่านักแต่งเพลงคนแรกของโลกนั้นคือใครและใครเป็นคนแรกที่รังสรรค์ผลงานเพลงขึ้นมาให้ในปัจจุบันนี้เราได้มีเพลงฟังกันซึ่งในบทความนี้จะมีการพูดถึงประวัติของนักแต่งเพลงคนแรกให้เราได้ทราบข้อมูลอย่างละเอียดกัน 

        สำหรับนักแต่งเพลงคนแรกของโลกนั้นเขามีชื่อว่า  Hildegrad von Bingen  ซึ่งเชื่อได้เลยว่าหลายคนคงไม่เคยได้ยินชื่อเสียงของเขามาก่อนเพราะคนรุ่นหลังใหม่ๆหรืออาจจะคนส่วนใหญ่นั้นมักจะคิดว่านักแต่งเพลงในยุคแรกๆนั้นน่าจะเป็นบีโธเฟนหรือไม่ก็ Mozart นั่นเองซึ่งเป็นข้อมูลที่ทุกคนนั้นเข้าใจผิดและเข้าใจคลาดเคลื่อนเป็นอย่างมากเลยทีเดียว

เพราะคนที่แต่งเพลงคนแรกนั้นไม่ใช่บุคคลในตำนานทั้งสองคนนี้แต่เป็นบุคคลที่อาจจะไม่มีใครนึกถึงได้ว่าเขาจะกลายมาเป็นนักแต่งเพลงคนแรกของโลก

        สำหรับ Hildegrad von Bingen  หนังเป็นชื่อของแม่ชีท่านหนึ่งซึ่งแม่ชีท่านนี้นับถือศาสนาคริสต์อาศัยอยู่ที่เมืองบินเงินของประเทศเยอรมนีโดยแม่ชีท่านนี้มีอายุอยู่ในช่วงประมาณปีคริสต์ศักราช 1981 ถึง 1179   Hildegrad von Bingen   ได้มีการรังสรรค์ผลงานขึ้นมาครั้งแรกเป็นการแต่งเพลงขึ้นมาด้วยตนเองไม่ใช่พัฒนามาจากโครงสร้างแนวเพลงเก่าใดๆทั้งสิ้นซึ่งมีการแต่งทำนองและเนื้อเพลงขึ้นมาใหม่เอง

ทั้งหมดด้วยผลงานที่ Hildegrad von Bingen  ได้มีการทำขึ้นมานั้นมีมากมายหลายเพลงเลยทีเดียวนอกจากนี้เนื้อเพลงแต่ละเพลงนั้นยังมีมากมายหลายประเภทมีการรวบรวมเอาไว้ในหนังสือรวมเพลง Symphony orchestra เวลาชุมนุม

     หลังจากสิ้นสุดผลงานของแม่ชี Hildegrad von Bingen   ก็มีนักแต่งเพลงคนอื่นแต่งเพลงเกิดขึ้นมาเรื่อยๆจนมาถึงในยุคปัจจุบันนี้ซึ่งแนวเพลงแต่ละยุคแต่ละสมัยนั้นก็มีความแตกต่างกันออกไปแต่อย่างไรก็ตามคนที่ชื่นชอบเสียงเพลงนั้นก็จะเป็นคนที่มีจิตใจอ่อนโยนแจ่มใสและการฟังเพลงนั้นก็จะทำให้เรานั้นเพลิดเพลินและคลายเครียดได้อย่างมากเลยทีเดียว

 

สนับสนุนโดย.    ทางเข้า UFABET ภาษาไทย

ประวัติ มหาตมะคานธี 

     มหาตมะคานธี   เชื่อว่าหลายคนคงเคยได้ยินชื่อเสียงของ บุคคลสำคัญทางประวัติศาสตร์คนหนึ่งของประเทศอินเดีย  หรืออาจจะกล่าวได้ว่าเขาเป็นบุคคลสำคัญของโลกคนหนึ่งเลยก็ว่าได้ เนื่องจากบุคคลนี้ได้ทำคุณประโยชน์ให้กับเพื่อนมนุษย์ด้วยกันเป็นอย่างมาก สำหรับชายที่เรากำลังพูดถึงอยู่ในขณะนี้ก็คือ มหาตมะคานธี  

       สำหรับชื่อจริงของเขานั้น เขามีชื่อเต็มว่า  โมฮันทาน การัมจันทร์ คานธี ท่านที่เกิดวันที่ 2 ตุลาคม ปี  ค.ศ. 1869 ที่เมืองโปรพันธะแคว้นคชรัตน์ทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศอินเดีย    สำหรับ มหาตมะคานธี นั้นท่านนับถือศาสนาฮินดูแต่กำเนิดใช้ชีวิตอยู่ในวรรณะแพศย์ครั้งเมื่อคดีอายุ 18 ปี

มหาตมะคานธี จึงได้เรียนวิชากฎหมายที่ประเทศอังกฤษ  นอกจากนี้ยังได้มีการ ปฏิญาณต่อมารดาว่าเขาจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับสุรา และนารี อย่างเด็ดขาด 

        หลังจากการศึกษาต่อไม่นานเขาก็สำเร็จการศึกษา  แล้วหลังจากนั้น คานธี ก็ได้ เดินทางกลับอินเดียซึงตรงกับในปี ค.ศ. 1891 มหาตมะคานธีนั้นถือได้ว่าเป็นบุคคลสำคัญที่ยิ่งใหญ่และมีคุณูปการต่อผู้คนทั้งในอินเดียและระดับโลก  เลยก็ว่าได้ เพราะว่าเส้นทางของเขาเริ่มต้นขึ้นเมื่อคานธีเปิดสำนักทนายความในประเทศอินเดียอยู่เป็นระยะเวลาหนึ่งแต่ไม่ประสบความสำเร็จเขาจึงตัดสินใจทำงานเป็นทนายความให้กับนักธุรกิจชาวอินเดียมุสลิมที่มีบริษัทอยู่ในประเทศแอฟริกาใต้ในปี ค.ศ.  1893 

         การไปทำงานที่แอฟริกาใต้นี้เองที่ทำให้เขาพบว่าชาวอินเดียที่เป็นแรงงานอยู่ประเทศดังกล่าวถูกปฏิบัติอย่างเอาเปรียบอย่างมาก เมื่อรู้ดังนั้น  มหาตมะคานธี  จึงตัดสินใจอยู่ที่แอฟริกาใต้เกินกว่ากำหนดและต่อสู้เรียกร้องความเป็นธรรมให้กับแรงงานเหล่านั้นโดยใช้วิธีการต่อสู้แบบสัตยาเคราะห์คือวิธีที่ไม่ฝักใฝ่ความรุนแรงไม่ใช้กำลังแต่ใช้พลังธรรมะซึ่งการต่อสู้แบบสัตยาเคราะห์มีองค์ประกอบ 3 ประการคือ สัตย์หมายถึงความจริง

หมายถึงการไม่เบียดเบียนให้เสียเลือดเสียเนื้อและ  การดื้อแพ่งหมายถึงการไม่ปฏิบัติตามกฎหมายอย่างสงบและการไม่ให้ความร่วมมือแก่ทางราชการเช่นการหยุดงานการไม่จ่ายภาษีหลังจากการต่อสู้ด้วยวิธีสัตยาเคราะห์จนประสบความสำเร็จในปี 1915 

      มหาตมะคานธี   ได้เดินทางกลับบ้านเกิดประเทศอินเดียและได้รับความไว้วางใจจากพรรคคองเกรสให้เป็นผู้นำต่อต้านกฎหมายเช่นพระราชบัญญัติ roasted ปี 1919 กฎหมายภาษีเกลือปี 1930 และเขาก็ได้กระทำการยิ่งใหญ่ต่อสู้เรียกร้องด้วยวิธีสัตยาเคราะห์จนทำให้อินเดียได้รับเอกราชจากอังกฤษในปี 1947 ในที่สุด

         มหาตมะคานธี ถึงแก่มรณภาพหลังจากที่อินเดียได้รับเอกราชเพียง 5 เดือนด้วยสาเหตุถูกลอบยิงจากชาวฮินดูหัวรุนแรงเมื่อวันที่ 30 มกราคมปี ค.ศ.1948 โดยคุณอุปการที่มหาตมะคานธีมีต่อประเทศอินเดียเขาจึงได้รับการยกย่องให้เป็นบิดาแห่งชาติอินเดียและขณะเดียวกันองค์การสหประชาชาติก็กำหนดให้วันเกิดของเขาคือวันที่ 2 ตุลาคมเป็นวันไม่ใช้ความรุนแรงของสากล 

 

สนับสนุนโดย.    ทางเข้า ufabet ภาษาไทย

ประวัติ มหาตมะคานธี 

    ประวัติ มหาตมะคานธี    เชื่อว่าหลายคนคงเคยได้ยินชื่อเสียงของ บุคคลสำคัญทางประวัติศาสตร์คนหนึ่งของประเทศอินเดีย  หรืออาจจะกล่าวได้ว่าเขาเป็นบุคคลสำคัญของโลกคนหนึ่งเลยก็ว่าได้ เนื่องจากบุคคลนี้ได้ทำคุณประโยชน์ให้กับเพื่อนมนุษย์ด้วยกันเป็นอย่างมาก สำหรับชายที่เรากำลังพูดถึงอยู่ในขณะนี้ก็คือ มหาตมะคานธี  

       สำหรับชื่อจริงของเขานั้น เขามีชื่อเต็มว่า  โมฮันทาน การัมจันทร์ คานธี ท่านที่เกิดวันที่ 2 ตุลาคม ปี  ค.ศ. 1869 ที่เมืองโปรพันธะแคว้นคชรัตน์ทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศอินเดีย    สำหรับ มหาตมะคานธี นั้นท่านนับถือศาสนาฮินดูแต่กำเนิดใช้ชีวิตอยู่ในวรรณะแพศย์ครั้งเมื่อคดีอายุ 18 ปี มหาตมะคานธี จึงได้เรียนวิชากฎหมายที่ประเทศอังกฤษ  นอกจากนี้ยังได้มีการ ปฏิญาณต่อมารดาว่าเขาจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับสุรา และนารี อย่างเด็ดขาด 

        หลังจากการศึกษาต่อไม่นานเขาก็สำเร็จการศึกษา  แล้วหลังจากนั้น คานธี ก็ได้ เดินทางกลับอินเดียซึงตรงกับในปี ค.ศ. 1891 มหาตมะคานธีนั้นถือได้ว่าเป็นบุคคลสำคัญที่ยิ่งใหญ่และมีคุณูปการต่อผู้คนทั้งในอินเดียและระดับโลก  เลยก็ว่าได้ เพราะว่าเส้นทางของเขาเริ่มต้นขึ้นเมื่อคานธีเปิดสำนักทนายความในประเทศอินเดียอยู่เป็นระยะเวลาหนึ่งแต่ไม่ประสบความสำเร็จเขาจึงตัดสินใจทำงานเป็นทนายความให้กับนักธุรกิจชาวอินเดียมุสลิมที่มีบริษัทอยู่ในประเทศแอฟริกาใต้ในปี ค.ศ.  1893 

         การไปทำงานที่แอฟริกาใต้นี้เองที่ทำให้เขาพบว่าชาวอินเดียที่เป็นแรงงานอยู่ประเทศดังกล่าวถูกปฏิบัติอย่างเอาเปรียบอย่างมาก เมื่อรู้ดังนั้น  มหาตมะคานธี  จึงตัดสินใจอยู่ที่แอฟริกาใต้เกินกว่ากำหนดและต่อสู้เรียกร้องความเป็นธรรมให้กับแรงงานเหล่านั้นโดยใช้วิธีการต่อสู้แบบสัตยาเคราะห์คือวิธีที่ไม่ฝักใฝ่ความรุนแรงไม่ใช้กำลังแต่ใช้พลังธรรมะ

ซึ่งการต่อสู้แบบสัตยาเคราะห์มีองค์ประกอบ 3 ประการคือ สัตย์หมายถึงความจริง หมายถึงการไม่เบียดเบียนให้เสียเลือดเสียเนื้อและ  การดื้อแพ่งหมายถึงการไม่ปฏิบัติตามกฎหมายอย่างสงบและการไม่ให้ความร่วมมือแก่ทางราชการเช่นการหยุดงานการไม่จ่ายภาษีหลังจากการต่อสู้ด้วยวิธีสัตยาเคราะห์จนประสบความสำเร็จในปี 1915 

      มหาตมะคานธี   ได้เดินทางกลับบ้านเกิดประเทศอินเดียและได้รับความไว้วางใจจากพรรคคองเกรสให้เป็นผู้นำต่อต้านกฎหมายเช่นพระราชบัญญัติ roasted ปี 1919 กฎหมายภาษีเกลือปี 1930 และเขาก็ได้กระทำการยิ่งใหญ่ต่อสู้เรียกร้องด้วยวิธีสัตยาเคราะห์จนทำให้อินเดียได้รับเอกราชจากอังกฤษในปี 1947 ในที่สุด

         มหาตมะคานธี ถึงแก่มรณภาพหลังจากที่อินเดียได้รับเอกราชเพียง 5 เดือนด้วยสาเหตุถูกลอบยิงจากชาวฮินดูหัวรุนแรงเมื่อวันที่ 30 มกราคมปี ค.ศ.1948 โดยคุณอุปการที่มหาตมะคานธีมีต่อประเทศอินเดียเขาจึงได้รับการยกย่องให้เป็นบิดาแห่งชาติอินเดียและขณะเดียวกันองค์การสหประชาชาติก็กำหนดให้วันเกิดของเขาคือวันที่ 2 ตุลาคมเป็นวันไม่ใช้ความรุนแรงของสากล 

 

 

สนับสนุนโดย.  สมัคร gclub ไม่มีขั้นต่ำ