grandprixactual (1)
Search
Close this search box.

Tag: ทางเข้า ufabet ภาษาไทย

ประวัติวัดศรีโพธิ์ชัย วัดสวยเก่าแก่  แห่งจังหวัดเลย 

ประวัติวัดศรีโพธิ์ชัย วัดสวยเก่าแก่ ที่บ้านแสงภาตำบลแสงภามีวัดเก่าแก่แห่งหนึ่งซึ่งมีอายุมากกว่า 400 ปีมาแล้ววัดแห่งนี้อยู่คู่กับชุมชนหมู่บ้านแสงแพรมาเป็นระยะเวลานานทำให้ชาวบ้านนั้นต่างก็พากันศรัทธาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในวัดแห่งนี้

ซึ่งวัดที่เรากำลังจะพูดถึงและมีการศึกษาประวัติความเป็นมานั่นก็คือวัดศรีโพธิ์ชัยหรือชาวบ้านมักจะเรียกกันว่าวัดศรีโพธิ์ชัยแสงภานั่นเอง

       สำหรับวัดแห่งนี้ว่ากันว่าสร้างขึ้นมาตั้งแต่ในสมัยปีพุทธศักราช 2090  โดยวัดแห่งนี้เริ่มต้นขึ้นมาตั้งแต่ในสมัยโบราณซึ่งก่อนหน้านี้พื้นที่บริเวณที่มีการสร้างวัดและชุมชนแห่งนี้นั้นเป็นพื้นที่ที่รกร้างว่างเปล่าหลังจากนั้นก็มีนายพรานที่ชื่อ เซียงภา ได้เดินทางมาจากประเทศลาว

เพื่อมาหาของป่าและล่าสัตว์ไปขายแต่เมื่อนายพรานเห็นว่าบริเวณที่เป็นพื้นที่ของวัดศรีโพธิ์ชัยในปัจจุบันนั้นเป็นพื้นที่ที่มีทำเลดีจึงได้เดินทางกลับไปยังหมู่บ้านของตนเองและชักชวนเพื่อนบ้านคนอื่นๆให้เดินทางมาตั้งรกรากบ้านเรือนอยู่ที่นี่แทน

        หลังจากนั้นก็มีผู้คนเป็นจำนวนมากพากันมาสร้างบ้านเรือนและอยู่อาศัยในที่แห่งนี้และได้มีการตั้งชื่อหมู่บ้านตามชื่อของนายพรานที่เป็นคนเจอสถานที่แห่งนี้คนแรกนั่นก็คือตั้งชื่อว่าหมู่บ้านเซียงภา 

ต่อมาชาวบ้านได้มีการเรียกชื่อเพี้ยนกลายมาเป็นแสงพามาจนถึงปัจจุบันส่วนสำหรับวัดศรีโพธิ์ชัยนั้นก็เกิดขึ้นจากความศรัทธาของชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านแสงภาแห่งนี้เนื่องจากว่าชาวบ้านต้องการเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจจึงได้มีการสร้างวัดขึ้นมา โดยมีการนำไม้มาใช้เป็นวัสดุในการก่อสร้างซึ่งจะเห็นได้จากตัวโบสถ์นั้นเป็นไม้เก่าแก่โบราณอายุหลายร้อยปีเลยทีเดียว 

         อย่างไรก็ตาม เนื่องจากความสวยงามของพระอุโบสถซึ่งอยู่ภายในวัดศรีโพธิ์ชัยทำให้ชาวบ้านที่เคยมาทำบุญที่วัดดังกล่าวต่างก็พากันนำไปพูดเกี่ยวกับความงดงามของอุโบสถโดยเฉพาะอย่างยิ่งและลักษณะของการออกแบบอุโบสถนั้นมีความคล้ายคลึงกับวัดดังซึ่งอยู่ในหลวงพระบางของประเทศลาวนั่นก็คือวัดเชียงทำให้ผู้คนอยากยลโฉมความสวยงามจึงเดินทางมาชมความงดงามที่วัดศรีโพธิ์ชัยกันอย่างไม่ขาดสาย

         อย่างไรก็ตามเนื่องจากว่าวัดแห่งนี้นั้นอยู่มาแล้วหลายร้อยปีจึงได้มีการขยายพื้นที่และมีการบูรณะซ่อมแซมอาคารรวมถึงโบสถ์ต่างๆภายในวัดที่เก่าแก่และทรุดโทรมดังนั้น    ทางเข้า UFABET ภาษาไทย      ปัจจุบันจึงจะเห็นได้ว่าไม่ว่าจะเป็นอาคารหรือโบสถ์ต่างๆที่อยู่ภายในวัดนั้นจะมีการนำศิลปะจากหลายแห่งมาผสมผสานรวมกันซึ่งมีทั้งศิลปะสมัยล้านช้างผสมผสานกับจีนนอกจากนี้ยังมีสมัยอยุธยานำมาผสมผสานร่วมด้วย

การก่อกบฏต่อชาวมองโกลในตอนศตวรรษที่14

   ซึ่งด้วยความที่ซุนตี้นั้นเป็นคนไม่เอาไหนไม่มีสติปัญญาความสามารถใดก็รู้สึกพระองค์เองดีอยู่ว่าตนไม่เข้มแข็งพอที่จะทำสังหารผู้คนพลเมืองจำนวนมากๆเช่นนี้

การก่อกบฏต่อชาวมองโกล ได้ชาวฮั่นแซ่จางหวางหลิวรีและเจ้าจึงนับว่ารอดตายโดยไม่จำเป็นมาได้ถึงปีคริสต์ศักราช 1343 หวงเหอเกิดอุทกภัยร้ายแรงต่อมาในปีคริสตศักราช 1344 มีฝนตกหนักติดต่อกันถึง 20 วันเกิดน้ำท่วมใหญ่เป็นประวัติการ

เขื่อนได้ถูกกระแสน้ำถล่มจนพังมองโกลใช้ทหาร2หมื่นคนเข้าบังคับเกณฑ์แรงงานชาวฮั่นเป็นจำนวนถึง1.5แสนคนให้ขุดดินเพื่อซ้อมเขื่อนดังกล่าวยังผลให้เกิดความเดือดร้อนแก่ชาวนาชาวไร่โดยทั่วไปที่ต้องอดอยากและยากจนเพราะการปกครองที่ผิดพลาดและทุจริตของมองโกลอยู่แล้ว

ในเมื่อการถูกเกณฑ์แรงงานทำให้ไม่มีโอกาสในการทำมาหากินยังต้องเตรียมข้าวปลาอาหารมากินเองทั้งๆที่ชาวฮั่นยังอยู่ภายหลังอุทกภัยผู้คนอดอยากถึงกับอดตายก็มีชาวนาที่ถูกเกณฑ์ลงมือขุดซ่อมเขื่อนกันตั้งแต่ต้นเดือนเมษายนปีคริสต์ศักราช 1351 ท่ามกลางความเดือดร้อนของผู้คนนับแสนครัวเรือน

โดยระหว่างนั้นได้เกิดข่าวลือแพร่กระจายไปทั่วว่ามนุษย์หินตาเดียวจะมาปลุกระดมให้ผู้คนชาวฮั่นทั้งหลายก่อการกบฏต่อมองโกลต่อมาก็มีชาย 2 คนที่ถูกเกณฑ์แรงงานขุดดินพบรูปปั้นเป็นมนุษย์ตาเดียวขึ้นข่าวลือที่มีการปลุกระดมชาวฮั่นให้รุกฮือขึ้นจับอาวุธต่อต้านมมองโกลจนแพร่กระจายรุกรามไปอย่างรวดเร็ว

นอกจากนี้ชายสองคนที่พบรูปปั้นมนุษย์ตาเดียวนั้นเขาเป็นหัวหน้าสมาชิกสมาคมลับบัวขาวสมาคมนี้มีการก่อตั้งกันอย่างลับๆมาตั้งแต่สมัยปลายศตวรรษที่14อนุศาสตร์อันเป็นที่เชื่อถือสืบต่อๆกันมาก็คือแผ่นดินบริสุทธิ์ที่มีแต่สันติสุขและมั่งคั่งเมื่อถึงสมมัยพระศรีอริยเมตไตรย

อย่างไรก็ดีในตอนศตวรรษที่ 14 เงื่อนไขของสังคมจีนสอดคล้องต้องกันพอดีกับความเชื่อของสมาชิกสมาคมลับบัวขาวเนื่องจากชาวฮั่นต้องประสบความลำบากอย่างสาหัสจากการปกครองของมองโกลที่ก่อให้เกิดความความขัดแย้งร้ายแรงขึ้นในสังคมจีนยิ่งกว่ายุคสมัยใดๆ

ในการเริ่มต้นก่อตั้งกำลังรบโพกผ้าแดงที่ต่อต้านทหารมองโกลนั้นปรากฎว่าทางการเจ้าหน้าที่ที่จู่โจมจับหัวหน้าสำคัญได้แล้วฆ่าทิ้งในปีคริสต์ศักราช 1351 แต่หลิงฟูตงได้หลบหนีไปได้โดยพาหันหลินเอ่ยบุตรชายที่ยังเด็กอยู่ไปด้วยเมื่อว่าจะไม่มีหัวหน้าใหญ่ที่เป็นผู้นำการต่อสู้ร่วมกันก็ได้ใช้กำลังอาวุธต่อต้านทหารมองโกลบ้างก็ประกาศตั้งอาณาจักรอิสระของตนขึ้นมีชื่อว่าเทียนหวันและมีโก๋เล็กน้อยอีกมากมาย

 

สนับสนุนเนื้อหาโดย    ทางเข้า UFABET ภาษาไทย

ประวัติพระธาตุดอยตุง จังหวัดเชียงราย 

        สำหรับในบทความนี้เราจะมาพูดถึงประวัติความเป็นมาหรือตำนานของวัดพระธาตุดอยตุงจังหวัดเชียงรายกันเนื่องจากว่าที่นี่นั้นเป็นวัดเก่าแก่ที่มีชื่อเสียงโด่งดังประจำจังหวัดเชียงราย

ประวัติพระธาตุดอยตุง ซึ่งตามประวัติความเป็นมาแล้วได้มีการพูดถึงการสร้างวัดพระธาตุดอยตุงว่าถูกสร้างขึ้นมาตั้งแต่ในสมัยของกษัตริย์ผู้ครองเมืองโยนกนาคพันธุ์ โดยในสมัยนั้นก็คือพระเจ้าอชุตราช นั่นเอง 

        หลังจากที่มีการสร้างวัดพระธาตุดอยตุงสำเร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้วพระมหากัสสปะก็ได้มีการอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุของพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาประดิษฐานไว้ที่วัดพระธาตุแห่งนี้โดยส่วนที่ถูกอัญเชิญมานั้นคือส่วนของพระราชเบื้องซ้ายหรือก็คือบริเวณกระดูกไหปลาร้าของพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั่นเอง

           อย่างไรก็ตามหลังจากที่พระมหากัสสปะได้มีการอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุมาที่จังหวัดเชียงรายแล้วก็ได้มีการมอบให้กับพระเจ้าอชุตราชซึ่งพระองค์นั้นก็ได้มีการอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุมาไว้ภายในพระบรมสารีริกธาตุซึ่งอยู่บนดอยโดยมีการสร้างเจดีย์คลุมเอาไว้ซึ่งโดยดังกล่าวนั้นก็คือดอยตุงแห่งนี้นั่นเอง 

        ประวัติความเป็นมาได้มีการระบุว่าลักษณะของการก่อสร้างวังพระธาตุดอยตุงนั้นได้มีการคำนวณเอาไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้วโดยมีการระบุว่าผู้ที่คำนวณหรือพยากรณ์วัดพระธาตุแห่งนี้

เอาไว้นานก็คือพระพุทธเจ้านั่นเองซึ่งได้มีการระบุเอาไว้ว่าหากว่าธง ที่ปักบนยอดเขาหรือบนดอยแห่งนี้ปลิวไปทางไหนให้ยึดจากปลายของธงใช้สำหรับกำหนดเป็นฐานของพระเจดีย์โดยธงที่ถูกปักไว้บนยอดเขาหรือบนดอยตุงแห่งนี้นั้นมีความยาวถึง 1พันวาเลยทีเดียว

           อย่างไรก็ตามก่อนที่จะมีการสร้างวัดพระธาตุดอยตุงนั้นบริเวณบนดอยแห่งนี้นั้นมีผู้คนอาศัยอยู่อย่างเช่นพวกเราจบและพวกมิลักขะอุดังนั้นพระเจ้าอชุตราช จึงได้มีการมอบทองคำเพื่อให้เป็นค่าที่ดินแก่ผู้คนที่อาศัยอยู่บนดอยแห่งนี้เพื่อที่จะได้นำที่ดินบนดอยแห่งนี้มาใช้เป็นสถานที่ในการสร้างพระธาตุดอยตรงและสร้างเป็นพระเจดีย์สำหรับเก็บรักษาพระบรมสารีริกธาตุของพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั่นเอง 

         อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าพระธาตุดอยตุงแห่งนี้จะเป็นที่จัดเก็บพระบรมสารีริกธาตุส่วนพระรากขวัญเบื้องซ้ายแล้วแต่พอถึงในยุคสมัยของพระเจ้ามังรายมหาราชก็ได้มีการนำพระบรมสารีริกธาตุมาถวายอีก 50 องค์ ซึ่งคนที่นำมาถวายก็คือพระมหาวชิรโพทะเลละคนเดิมนั่นเอง  ดังนั้นเราจึงเห็นได้ว่าบนพระธาตุดอยตุงแห่งนี้มีเจดีย์ 2 องค์ที่ถูกสร้างใกล้กันพระองค์แรกนั้นถูกสร้างในสมัยของพระเจ้าอชุตราช ส่วนอีกองค์หนึ่งนั้นถูกสร้างในสมัยของพระเจ้ามังรายณราชนั้นเอง 

 

สนับสนุนโดย    ทางเข้า ufabet ภาษาไทย

ประเพณีที่จัดงานในช่วงวันออกพรรษาของจังหวัดในเขตภาคเหนือ 

         ประเพณีที่จัดงานในช่วงวันออกพรรษา สำหรับวันออกพรรษานั้นเป็นวันที่มีความสำคัญเกี่ยวพันกับทางด้านพระพุทธศาสนาซึ่งในวันดังกล่าวนั้นผู้คนเป็นจำนวนมากก็จะพากันไปทำบุญไหว้พระเพื่อส่งเสริมบารมีให้กับตนเอง

โดยเทศกาลวันออกพรรษานั้นเป็นเทศกาลที่เกิดขึ้นเป็นประจำทุกปีเนื่องจากว่าเป็นวันที่ทางพระสงฆ์ได้มีการสิ้นสุดการจำพรรษาอยู่ที่วัดซึ่งโดยปกติแล้วในช่วงจำพรรษานั้นพระสงฆ์จะต้องจำพรรษาอยู่วัดเป็นระยะเวลานานกว่า 3 เดือนดังนั้นหลังจากสิ้นสุดของการจำพรรษาแล้วจึงได้มีการจัดเทศกาลวันออกพรรษาขึ้นมา 

           อย่างไรก็ตามในช่วงวันเทศกาลวันออกพรรษานั้นนอกจากจะมีการทำบุญไหว้พระแล้วบ้างจังหวัดยังมีประเพณีต่างๆเกิดขึ้นซึ่งในบทความนี้เราจะมาแนะนำจังหวัดในเขตภาคเหนือประมาณ 2 จังหวัดด้วยกันที่มีการจัดประเพณีตรงกับช่วงวันออกพรรษาโดยจังหวัดที่เราจะแนะนำก็คือจังหวัดลำพูนกับจังหวัดแม่ฮ่องสอนนั่นเองมาดูกันว่าสองจังหวัดนี้มีประเพณีอะไรที่น่าสนใจและน่าไปเที่ยวบ้าง 

        สำหรับที่จังหวัดลำพูนนั้นจะมีการจัดประเพณีเป็นประจำทุกปีซึ่งประเพณีดังกล่าวมีชื่อว่าสลากย้อมเมืองลำพูนโดยประเพณีนี้จะมีการจัดขึ้นในช่วงใกล้วันออกพรรษาโดยจะมีการจัดขึ้นที่วัดพระธาตุหิริภุญชัยวรมหาวิหารซึ่งวัดดังกล่าวนั้นถือว่าเป็นวัดดังและเป็นวัดเก่าแก่แห่งหนึ่งของจังหวัดลำพูนเลยก็ว่าได้โดยการจัดงานนั้นจะมีการประกวดสลากย้อม

          นอกจากนี้ยังมีการแห่ต้นสลากย้อมไปบนถนนต่างๆเรียกได้ว่าเป็นการจัดขบวนซึ่งจะมีตั้งแต่ถนนอินทยงยศไปจนถึงวัดพระธาตุหิริภุญชัยเลยทีเดียว    อย่างไรก็ตามในงานประเพณีสลากย้อมนั้นจะมีการประกวดต้นสลากย้อมซึ่งจะมีการกำหนดเงื่อนไขว่าจะมีต้นที่สูงได้ไม่เกิน 15 เมตรและไม่ต่ำกว่า 12 เมตรและต้องมีการออกแบบให้เกิดความสวยงาม

        โดยประเพณีนี้มีความเชื่อว่าหากมีการสร้างสำหรับย้อมทำให้เกิดความวิจิตรบรรจงและมีความงดงามก็จะทำให้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีเนื่องจากว่าต้นสลากย้อมนั้นมีความเกี่ยวพันทางเรื่องของศาสนาพุทธด้วยเช่นเดียวกันโดยหลังจากที่มีการประกวดเสร็จเรียบร้อยแล้วชาวบ้านก็จะมีการนำต้นสลากย้อมถวายแด่พระภิกษุสงฆ์ 

           สำหรับที่จังหวัดแม่ฮ่องสอนนั้นจะมีการจัดพิธีออกว่าซึ่งวิธีนี้ก็มีการจัดขึ้นเป็นประจำทุกปีเช่นเดียวกันซึ่งส่วนใหญ่ประเพณีนี้ก็จะมีการเชิญพระสงฆ์และสามเณรมากถึง 200 รูปมาให้ชาวบ้านได้มีการตักบาตรโดยประสงค์ก็จะยืนอยู่ตามถนนหนทางต่างๆนอกจากนี้ก็ยังมีการจัดกิจกรรมถนนคนเดินและมีของมาวางขายมีการแสดงต่างๆเยอะแยะมากมายเต็มไปหมดดังนั้นหากใครที่ชื่นชอบงานรื่นเริงก็ไม่ควรที่จะพลาดแวะไปร่วมกิจกรรมประเพณีออกหว่าที่แม่ฮ่องสอนกัน

 

สนับสนุนโดย  ทางเข้า UFABET ภาษาไทย

มันคือโลกของบียอนเซ่

เราแค่อยู่ในนั้น ดังที่โรลลิงสโตนเขียนเมื่อเดือนที่แล้ว “อย่างน้อยในทศวรรษที่ผ่านมา Beyoncé Giselle Knowles-Carter เป็นผู้ให้ความบันเทิงที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก” มันคือโลกของบียอนเซ่

ป๊อปสตาร์ชาวแอฟริกัน-อเมริกันคนนี้มีสถานะชื่อเสียงในชื่อเดียวเหมือนกับดาราเพลงป็อปชื่อดังคนอื่นๆ มาดอนน่า, แชร์, บริทนีย์ และอเดล อาชีพที่ประสบความสำเร็จมายาวนานและประสบความสำเร็จอย่างมากในวงเกิร์ลกรุ๊ป Destiny’s Child (พ.ศ. 2533-2549) และในฐานะศิลปินเดี่ยว (พ.ศ. 2546 – ปัจจุบัน) เต็มไปด้วย “ช่วงเวลา” ของวัฒนธรรมป๊อปและการเปิดตัวที่ทำลายสถิติ

ดังที่ฉันได้เขียนไว้ที่อื่น ดาราของบียอนเซ่เป็นรูปแบบที่น่าสนใจของการสร้างโลก การสร้างโลกหรือ “การสร้างโลก” คือการสร้างและบำรุงรักษาดาราอย่างต่อเนื่องโดยการสร้างโลกแบบองค์รวมที่ใกล้ชิดและระบุตัวตนได้รอบ ๆ ดาว ไม่ใช่แค่ภาพดาราเอกพจน์ ผู้ชมอยู่ในการสร้างโลกของบียอนเซ่แบบเดียวกับที่เราชมภาพยนตร์ เรารู้ว่ามันเป็น “การแต่ง” แต่เราต้องการที่จะเชื่อว่ามันเป็นของจริงหรืออย่างน้อยก็ไปพร้อมกับมันสำหรับการขี่

10 ปีของบียอนเซ่ทศวรรษที่ก่อให้เกิดการสนทนาทั้งหมดนี้ บียอนเซ่ เวิลด์ ความหลงใหลในคนดังของเรามีศูนย์กลางอยู่ที่ “การค้นหา” สำหรับบุคคล “ของแท้” ที่อยู่เบื้องหลังบุคลิกที่สร้างขึ้นในวิดีโอป๊อปอัลบั้มภาพของบียอนเซ่ (2013) เป็นสัญลักษณ์ของความใกล้ชิดส่วนตัวที่เพิ่มขึ้นของดาราดังของบียอนเซ่ และการเปลี่ยนแปลงของเธอไปสู่การสร้างสรรค์อย่างกระตือรือร้นและการเป็นเจ้าของโลกที่ใกล้ชิด ระบุตัวตนได้ และเป็นองค์รวม Beyoncé World”

ถูกสร้างขึ้นและดูแลผ่านมิวสิควิดีโอและอัลบั้มภาพของ Beyoncé เป็นหลัก แต่ยังรวมถึงคอนเสิร์ต การแสดง และการปรากฏตัวต่อหน้าสาธารณะ รวมถึงบัญชีโซเชียลมีเดียและเว็บไซต์ของเธอด้วย ป๊อปสตาร์ร่วมสมัยคนอื่นๆ สร้างภาพลักษณ์ของดารา “ของแท้” ผ่านการแบ่งปันรายละเอียดในชีวิตของพวกเขาผ่านโซเชียลมีเดีย

หรืออัลบั้มกึ่งอัตชีวประวัติและมิวสิกวิดีโอ แต่โพสต์บนโซเชียลมีเดียของ Beyonce นั้นได้รับการดูแลอย่างดีและไม่ค่อยใส่ใจเกี่ยวกับชีวิตส่วนตัวของเธอ เธอไม่ค่อยโพสต์คำบรรยายภาพและชื่นชอบการถ่ายภาพแฟชั่นของตัวเองมากกว่าการถ่ายเซลฟี่ที่ “แท้จริง” ที่ปราศจากการแต่งหน้า

Lemonade (2016) เป็นอัลบั้มส่วนตัวที่สุดของบียอนเซ่ มันกล่าวถึงความไม่ซื่อสัตย์ของสามีของเธอ แร็ปเปอร์ และเจ้าพ่อวงการเพลง Jay-Z รวมถึงความไม่พอใจส่วนตัวของเธอที่มีต่อความอยุติธรรมทางเชื้อชาติในสหรัฐอเมริกา Beyoncé World ไม่ใช่วิดีโอเซลฟี่ที่ไม่ต้องแต่งหน้าหรือสารภาพบาปของดาราคนอื่น เป็นโลกแห่งแฟชั่นชั้นสูง ศิลปะชั้นสูง แนวคิดชั้นสูงที่แฟนๆ ได้มีส่วนร่วมและสิ่งที่น่าสนใจเหล่านี้นั้นทำให้เธอนั้นยังเป็นที่ได้รับความนิยมจากแฟนคลับทั่วโลก

 

สนับสนุนโดย.  ทางเข้า ufabet ภาษาไทย

ประวัตินักแต่งเพลงคนแรกของโลก 

     นักแต่งเพลงคนแรก   หากมีการพูดถึงเรื่องของเสียงเพลงเชื่อว่าคนแต่ละคนนั้นมีความชื่นชอบเพลงที่แตกต่างกันออกไปบางคนชอบเพลงแนวคลาสสิคบางคนชอบเพลงแนวร็อคหรือแนวอัลเทอร์เนทีฟนอกจากนี้ปัจจุบันยังมีแนวเพลงต่างๆเกิดขึ้นมาใหม่มากมายหลายแนว 

อย่างไรก็ตามเราจะไม่สามารถตีเพลงฟังได้เลยถ้าเราขาดนักแต่งเพลงซึ่งในปัจจุบันนี้ไม่ว่าจะเป็นประเทศไทยหรือต่างประเทศก็ตามจะมีนักแต่งเพลงขึ้นมามากมายเต็มไปหมดในแต่ละปีนั้นจะมีนักแต่งเพลงหน้าใหม่ๆและมีการรังสรรค์ผลงานออกมาให้พวกเราได้ฟังเพลงกัน   

        หากใครที่ชื่นชอบผลงานของศิลปินด้านไหนเป็นพิเศษก็อาจจะหาข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องของนักแต่งเพลงว่าใครเป็นคนแต่งเพลงนี้  แต่คุณรู้หรือไม่ว่านักแต่งเพลงคนแรกของโลกนั้นคือใครและใครเป็นคนแรกที่รังสรรค์ผลงานเพลงขึ้นมาให้ในปัจจุบันนี้เราได้มีเพลงฟังกันซึ่งในบทความนี้จะมีการพูดถึงประวัติของนักแต่งเพลงคนแรกให้เราได้ทราบข้อมูลอย่างละเอียดกัน 

        สำหรับนักแต่งเพลงคนแรกของโลกนั้นเขามีชื่อว่า  Hildegrad von Bingen  ซึ่งเชื่อได้เลยว่าหลายคนคงไม่เคยได้ยินชื่อเสียงของเขามาก่อนเพราะคนรุ่นหลังใหม่ๆหรืออาจจะคนส่วนใหญ่นั้นมักจะคิดว่านักแต่งเพลงในยุคแรกๆนั้นน่าจะเป็นบีโธเฟนหรือไม่ก็ Mozart นั่นเองซึ่งเป็นข้อมูลที่ทุกคนนั้นเข้าใจผิดและเข้าใจคลาดเคลื่อนเป็นอย่างมากเลยทีเดียว

เพราะคนที่แต่งเพลงคนแรกนั้นไม่ใช่บุคคลในตำนานทั้งสองคนนี้แต่เป็นบุคคลที่อาจจะไม่มีใครนึกถึงได้ว่าเขาจะกลายมาเป็นนักแต่งเพลงคนแรกของโลก

        สำหรับ Hildegrad von Bingen  หนังเป็นชื่อของแม่ชีท่านหนึ่งซึ่งแม่ชีท่านนี้นับถือศาสนาคริสต์อาศัยอยู่ที่เมืองบินเงินของประเทศเยอรมนีโดยแม่ชีท่านนี้มีอายุอยู่ในช่วงประมาณปีคริสต์ศักราช 1981 ถึง 1179   Hildegrad von Bingen   ได้มีการรังสรรค์ผลงานขึ้นมาครั้งแรกเป็นการแต่งเพลงขึ้นมาด้วยตนเองไม่ใช่พัฒนามาจากโครงสร้างแนวเพลงเก่าใดๆทั้งสิ้นซึ่งมีการแต่งทำนองและเนื้อเพลงขึ้นมาใหม่เอง

ทั้งหมดด้วยผลงานที่ Hildegrad von Bingen  ได้มีการทำขึ้นมานั้นมีมากมายหลายเพลงเลยทีเดียวนอกจากนี้เนื้อเพลงแต่ละเพลงนั้นยังมีมากมายหลายประเภทมีการรวบรวมเอาไว้ในหนังสือรวมเพลง Symphony orchestra เวลาชุมนุม

     หลังจากสิ้นสุดผลงานของแม่ชี Hildegrad von Bingen   ก็มีนักแต่งเพลงคนอื่นแต่งเพลงเกิดขึ้นมาเรื่อยๆจนมาถึงในยุคปัจจุบันนี้ซึ่งแนวเพลงแต่ละยุคแต่ละสมัยนั้นก็มีความแตกต่างกันออกไปแต่อย่างไรก็ตามคนที่ชื่นชอบเสียงเพลงนั้นก็จะเป็นคนที่มีจิตใจอ่อนโยนแจ่มใสและการฟังเพลงนั้นก็จะทำให้เรานั้นเพลิดเพลินและคลายเครียดได้อย่างมากเลยทีเดียว

 

สนับสนุนโดย.    ทางเข้า UFABET ภาษาไทย

ประวัติ มหาตมะคานธี 

     มหาตมะคานธี   เชื่อว่าหลายคนคงเคยได้ยินชื่อเสียงของ บุคคลสำคัญทางประวัติศาสตร์คนหนึ่งของประเทศอินเดีย  หรืออาจจะกล่าวได้ว่าเขาเป็นบุคคลสำคัญของโลกคนหนึ่งเลยก็ว่าได้ เนื่องจากบุคคลนี้ได้ทำคุณประโยชน์ให้กับเพื่อนมนุษย์ด้วยกันเป็นอย่างมาก สำหรับชายที่เรากำลังพูดถึงอยู่ในขณะนี้ก็คือ มหาตมะคานธี  

       สำหรับชื่อจริงของเขานั้น เขามีชื่อเต็มว่า  โมฮันทาน การัมจันทร์ คานธี ท่านที่เกิดวันที่ 2 ตุลาคม ปี  ค.ศ. 1869 ที่เมืองโปรพันธะแคว้นคชรัตน์ทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศอินเดีย    สำหรับ มหาตมะคานธี นั้นท่านนับถือศาสนาฮินดูแต่กำเนิดใช้ชีวิตอยู่ในวรรณะแพศย์ครั้งเมื่อคดีอายุ 18 ปี

มหาตมะคานธี จึงได้เรียนวิชากฎหมายที่ประเทศอังกฤษ  นอกจากนี้ยังได้มีการ ปฏิญาณต่อมารดาว่าเขาจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับสุรา และนารี อย่างเด็ดขาด 

        หลังจากการศึกษาต่อไม่นานเขาก็สำเร็จการศึกษา  แล้วหลังจากนั้น คานธี ก็ได้ เดินทางกลับอินเดียซึงตรงกับในปี ค.ศ. 1891 มหาตมะคานธีนั้นถือได้ว่าเป็นบุคคลสำคัญที่ยิ่งใหญ่และมีคุณูปการต่อผู้คนทั้งในอินเดียและระดับโลก  เลยก็ว่าได้ เพราะว่าเส้นทางของเขาเริ่มต้นขึ้นเมื่อคานธีเปิดสำนักทนายความในประเทศอินเดียอยู่เป็นระยะเวลาหนึ่งแต่ไม่ประสบความสำเร็จเขาจึงตัดสินใจทำงานเป็นทนายความให้กับนักธุรกิจชาวอินเดียมุสลิมที่มีบริษัทอยู่ในประเทศแอฟริกาใต้ในปี ค.ศ.  1893 

         การไปทำงานที่แอฟริกาใต้นี้เองที่ทำให้เขาพบว่าชาวอินเดียที่เป็นแรงงานอยู่ประเทศดังกล่าวถูกปฏิบัติอย่างเอาเปรียบอย่างมาก เมื่อรู้ดังนั้น  มหาตมะคานธี  จึงตัดสินใจอยู่ที่แอฟริกาใต้เกินกว่ากำหนดและต่อสู้เรียกร้องความเป็นธรรมให้กับแรงงานเหล่านั้นโดยใช้วิธีการต่อสู้แบบสัตยาเคราะห์คือวิธีที่ไม่ฝักใฝ่ความรุนแรงไม่ใช้กำลังแต่ใช้พลังธรรมะซึ่งการต่อสู้แบบสัตยาเคราะห์มีองค์ประกอบ 3 ประการคือ สัตย์หมายถึงความจริง

หมายถึงการไม่เบียดเบียนให้เสียเลือดเสียเนื้อและ  การดื้อแพ่งหมายถึงการไม่ปฏิบัติตามกฎหมายอย่างสงบและการไม่ให้ความร่วมมือแก่ทางราชการเช่นการหยุดงานการไม่จ่ายภาษีหลังจากการต่อสู้ด้วยวิธีสัตยาเคราะห์จนประสบความสำเร็จในปี 1915 

      มหาตมะคานธี   ได้เดินทางกลับบ้านเกิดประเทศอินเดียและได้รับความไว้วางใจจากพรรคคองเกรสให้เป็นผู้นำต่อต้านกฎหมายเช่นพระราชบัญญัติ roasted ปี 1919 กฎหมายภาษีเกลือปี 1930 และเขาก็ได้กระทำการยิ่งใหญ่ต่อสู้เรียกร้องด้วยวิธีสัตยาเคราะห์จนทำให้อินเดียได้รับเอกราชจากอังกฤษในปี 1947 ในที่สุด

         มหาตมะคานธี ถึงแก่มรณภาพหลังจากที่อินเดียได้รับเอกราชเพียง 5 เดือนด้วยสาเหตุถูกลอบยิงจากชาวฮินดูหัวรุนแรงเมื่อวันที่ 30 มกราคมปี ค.ศ.1948 โดยคุณอุปการที่มหาตมะคานธีมีต่อประเทศอินเดียเขาจึงได้รับการยกย่องให้เป็นบิดาแห่งชาติอินเดียและขณะเดียวกันองค์การสหประชาชาติก็กำหนดให้วันเกิดของเขาคือวันที่ 2 ตุลาคมเป็นวันไม่ใช้ความรุนแรงของสากล 

 

สนับสนุนโดย.    ทางเข้า ufabet ภาษาไทย

สิ่งลึกลับ ตํานานอาถรรพณ์ของอียิปต์โบราณ

อารยธรรมอียิปต์โบราณ เป็นหนึ่งในอารยธรรมซึ่งมีความโบราณเก่แก่มาก ตํานานอาถรรพณ์ของอียิปต์ และเยอะมากที่สุดอารยธรรมหนึ่งที่อยู่บนโลกเลย และยังเป็นอารยธรรมที่เกิดเรื่องราวต่างๆเกิดมากมาย แถมยังเป็นที่ตั้งของสิ่งก่อสร้างอย่าง “พีระมิด”

ซึ่งเป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกแล้วก็การพัฒนาทางด้านการแพทย์อย่างแนวทางการทำ “มัมมี่” อีกด้วย รวมทั้งเว้นเสียแต่ความใหญ่โตตระการตาที่อุดมไปด้วยความเป็นมาอันล้ำค่าต่างๆจำนวนมากแล้วนั้น อารยธรรมอียิปต์โบราณ ก็ยังจะมีเรื่องราวที่ลึกลับๆที่น่าสนใจที่บางบุคคลบางทีอาจจะยังไม่เคยทราบมาก่อนเลยก็ได้

  1. พระนางคลีโอพัตรา กับรูปโฉมที่แท้จริง

พระนางคลีโอพัตรา (Cleopatra VII) ถือว่าเป็นผู้ดูแลอียิปต์โบราณที่เป็นที่รู้จักสูงที่สุด ซึ่งในความคิดของคนสามัญ เธอเป็นราชินีผู้ทรงเสน่ห์ที่สุด มีรูปโฉมโนมพรรณที่สวย พรั่งพร้อมไปด้วยชั้นเชิงในเชิงพิศวาส สามารถผูกหัวใจชายได้อย่างอยู่มือ

แต่ว่าตามที่เป็นจริงแล้ว ความสวยงามของพระนางคลีโอพัตรามิได้อยู่ที่เนื้อหนังหรือความสวยงามที่บริเวณใบหน้าแล้วก็เรือนกายเลย แต่ว่าอยู่ที่ปัญญารวมทั้งความฉลาดหลักแหลมรู้ทันคนต่างหาก

ซึ่งได้มีหลักฐานชิ้นหนึ่งที่บอกถึงเรื่องจริงประเด็นนี้ ก็คือการศึกษาและทำการค้นพบรูปปั้นชิ้นส่วนพรเศียรของพระนางรวมทั้งเหรียญที่มีภาพหน้าของพระนาง ซึ่งได้เป็นศึกษาและทำการค้นพบของนักโบราณคดีคนหนึ่ง

  1. ความเชื่อเกี่ยวกับความตาย

ชาวอียิปต์โบราณมีความเชื่อที่ว่า เมื่อได้มีคนเสียชีวิต วิญญาณออกจากร่างไปเพียงแค่ชั่วครั้งคราว เพื่อเดินทางไปเจอกับพระผู้เป็นเจ้าในภพหน้า แล้วจะกลับมาในวันข้างหน้า ทั้งนี้ เมื่อวิญญาณกลับมาแล้วหลังจากนั้นก็จะต้องมีร่างกายอยู่

แล้วก็ร่างที่จะอาศัยอยู่ได้ควรจะเป็นร่างกายของตัวเองแค่นั้น รวมทั้งด้วยความเชื่อถือนี้เองก็เลยกระตุ้นให้เกิดแนวทางการดูแลศพ หรือที่พวกเรารู้จักกันอย่างดีกับกระบวนการทำ “มัมมี่” (Mummy) เพื่อภาวะศพยังอยู่ในภาวะที่ดี ไม่เปื่อยยุ่ยนั่นเอง

  1. การปรากฏตัวของเอเลี่ยน

ในทุกวันนี้กระแส “เอเลี่ยน” หรือมนุษย์ดาวอื่น ก็ยังคงมีให้เห็นอยู่โดยตลอด แม้กระนั้นเราทราบหรือเปล่าว่า การปรากฎตัวของเอเลี่ยนมีให้ดูมาแล้วตั้งแต่ยุคอียิปต์โบราณเลย สิ่งหนึ่งที่การันตีในหัวข้อนี้ ก็มาจากภาพบนฝาด้านในสุสานในเมืองกิซ่า โดยหนึ่งในรูปภาพบนผนังนั้นมีการวาดรูปของเอเลี่ยนผสมปนเปอยู่ด้วย

แต่ว่าอย่างไรก็ตาม ก็จำเป็นต้องใช้วิจารณญาณสำหรับในการตัดสินใจด้วย เพราะว่าครั้งคราวภาพๆนี้ บางทีก็อาจจะเป็นเพียงแต่รูปของข้าวของอื่นๆที่มีความคล้ายกับเอเลี่ยนเพียงแค่นั้น

 

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย.  ทางเข้า UFABET ภาษาไทย

เหตุผลที่งานศิลปะมีการเปลี่ยนแปลง 

ศิลปะคือการบ่งบอกถึงเรื่องราวต่างๆไม่ว่าจะเป็นการศึกษายุคสมัยต่างๆโดยแม่ที่เป็นแนวคิดของผู้คน สิ่งที่ในยุคปัจจุบันลงเรืออยู่นั่นคือรูปแบบของการใช้ชีวิตหรือแม้แต่จะเป็นการสืบค้นเรื่องราวต่างๆ

ซึ่งเป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่งโดยเฉพาะในยุคปัจจุบันที่รูปแบบต่างๆเหล่านั้นหรือช่วงเวลาต่างๆเหล่านั้นได้ทุกคำตอบมากมายหรือแม้จะเป็นการเริ่มงานสร้างสรรค์เกี่ยวกับรูปแบบในการทำงาน

โดยเฉพาะในยุคปัจจุบันที่การสร้างสรรค์ต่างๆได้มีรูปแบบต่างๆที่มีการศึกษาเรื่องราวในประวัติศาสตร์ การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างในการรับรู้เรื่องราวแต่ละเหตุการณ์หรือแม้แต่จะเป็นการพัฒนาโครงสร้างที่ส่งผลให้ในยุคปัจจุบันการเรียนรู้รูปแบบต่างๆ

ในการใช้เครื่องมือต่างๆในการทำงานมีการเปลี่ยนแปลงและมีการพัฒนาอยู่เสมอ อย่างที่รู้กันว่ามนุษย์เป็นสิ่งที่มีการพัฒนาตลอดเวลาไม่ว่าจะเป็นทางด้านความคิดจิตวิญญาณหรือแม้จะเป็นทัศนคติต่างๆที่มีการเปลี่ยนแปลงตามแต่สภาพสังคมหรือแม้แต่จะเป็นการส่งต่อถึงแนวคิดต่างๆ

อย่างไรก็ตามในยุคปัจจุบันต้องยอมรับว่าการพัฒนาการทำงานต่างๆหรือแม้แต่จะเป็นการเปลี่ยนแปลงของทางด้านงานศิลปะได้มีการเรียนรู้ของงานศิลปะในยุคก่อนไม่ว่าจะเป็นลักษณะในการทำงานโครงสร้างหรือแม้แต่เวลาส่งต่อทางด้านแนวคิดและการพัฒนาการทำงาน การเปลี่ยนแปลงรูปแบบต่างๆเหล่านี้

ส่งผลให้ในยุคปัจจุบันผู้คนต่างๆสามารถเรียนรู้โครงสร้างทางการรับรู้เรื่องราวต่างๆทางการศึกษางานศิลปะอักษร ภาพวาด รวมไปถึงงานวรรณกรรมต่างๆ ที่ถูกสะท้อนดอกไม้เห็นถึงแนวคิดต่างๆของผู้คน ที่มีการเปลี่ยนแปลงในยุคสมัยต่างๆถูกสร้างสรรค์และปรากฏอย่างชัดเจนซึ่งในยุคปัจจุบันเราจึงสามารถค้นหาแนวคิดต่างๆมันขึ้นการเสาะแสวงหา 

รูปแบบการทำงานใหม่ๆหรือว่างานศิลปะต่างๆที่มีการพัฒนาอยู่เสมอนั่นก็เป็นเพราะว่ามนุษย์มีความต้องการในการพัฒนารูปแบบงานในการสร้างสรรค์หรือแม้แต่จะเป็นโครงสร้างต่างๆที่มีการเปลี่ยนแปลงและมีการพัฒนาอยู่เสมอ อย่างไรก็ตามต้องยอมรับว่างานสร้างสรรค์ผลงานต่างๆเหล่านี้ไม่ได้เกิดขึ้นด้วยความบังเอิญ

แต่มนุษย์มีความตั้งใจในความต้องการในการจดบันทึกเรื่องราวต่างๆแนวคิดหรือแม้จะเป็นทัศนคติต่างๆ สภาพสังคมหรือสิ่งแวดล้อมในการเติบโตขึ้นมาก็ส่งผลต่อผลงานต่างๆเหล่านั้นเช่นเดียวกันในยุคหินเป็นยุคที่มีความเก่าแก่มากที่สุดทางประวัติศาสตร์เกี่ยวกับทางด้านงานศิลปะในยุคปัจจุบันเราจึงสืบค้นว่าในยุคนั้น

ผู้คนมีทั้งด้านความเชื่อ ความกลัวต่อธรรมชาติและสิ่งสะท้อนมาทำงานศิลปะทั้งสิ้น ในยุคปัจจุบันเราจึงเรียนรู้และเปลี่ยนแปลงรูปแบบต่างๆเหล่านี้ให้มีการพัฒนาและมีการปรับเปลี่ยนที่ดีมากยิ่งขึ้นอย่างไรก็ตามโครงสร้างในการทำงานดังกล่าวผู้คนก็มีการพัฒนาเช่นเดียวกันและมีการเปลี่ยนแปลงปรับปรุงรูปแบบในการทำงานต่างๆ จนมาถึงในยุคปัจจุบันที่รูปแบบต่างๆเหล่านี้มีการพัฒนาให้ดีมากยิ่งขึ้น

 

 

สนับสนุนโดย  ทางเข้า ufabet ภาษาไทย

ตำนาน รัก-ยม

     สำหรับรักกับยมเป็นตุ๊กตาหุ่นพยนต์อีกรูปแบบหนึ่งซึ่งลักษณะของตุ๊กตารักและโยมนั้นจะเป็นตุ๊กตาหุ่นที่สร้างมาเป็นเด็กคู่กันตัวนึงจะชื่อรักและอีกตัวหนึ่งจะชื่อยมซึ่งลักษณะของเด็กทั้งคู่นั้นจะเป็นเด็กในสมัยโบราณที่ไว้ผมทรงจุกและจะมีลักษณะคล้ายๆเหมือนกับเด็กชกมวย สร้างมาจากต้นไม้ 2 ชนิดสำหรับตุ๊กตาที่ชื่อว่ารักนั้นจะสร้างมาจากต้นรักซ้อน

ซึ่งจะต้องส่วนที่เป็นลำต้นหรือส่วนที่เป็นรากที่ตายแล้วมาสร้างเป็นตุ๊กตารักโดยถ้าหากใช้เป็นรากของต้นรักแล้วเราก็จะต้องเป็นกิ่งที่ยื่นไปทางฝั่งทิศตะวันออกด้วย ส่วนตุ๊กตายมนั้นก็ถูกนำมาสร้างจากต้นไม้ที่ชื่อว่าต้นมะยมโดยใช้ส่วนที่เป็นลำต้นหรือส่วนที่เป็นรากเช่นเดียวกัน โดยต้นไม้ที่เป็นต้นมะยมนั้นจะมีสีขาวแต่ถ้าเป็นต้นรักนั้นจะเป็นสีดำ

หลังจากได้ลากไม้ตามที่ต้องการแล้วก็จะถูกนำมาแกะสลักเป็นรูปร่างของเด็กแล้วค่อยทำการไล่บริกรรมคาถาปลุกเสกโดยตุ๊กตาที่สร้างเสร็จเรียบร้อยแล้วจะถูกนำไปไว้ในขัน สัมฤทธิ์ซึ่งภายในขันนั้นจะมีน้ำมันหอม หรืออีกชื่อหนึ่งคือน้ำมันจันทร์หลังจากนำผลไปใส่ไว้ในน้ำมันเป็นที่เรียบร้อยแล้วอาจารย์ก็จะทำพิธีปลุกเสกขึ้นมา

ซึ่งการร่ายบริกรรมคาถานั้นจะต้องใช้ระยะเวลานานเนื่องจากว่าผู้ที่ปลุกเสกนั้นจะต้องร่ายคาถาจนกว่าที่จะมองเห็นว่าหุ่นรักยมที่มีการปลุกเสกอยู่นั้นลุกขึ้นมาเต้นรำหรือลุกขึ้นมาเล่นกันถึงจะเป็นอันเสร็จสิ้นวิธีการปลุกเสกนั้นเอง สำหรับการใช้งาน รัก-ยม ก็ขึ้นอยู่กับว่าผู้ที่ปลุกเสกนั้นต้องการใช้งานให้รักและยมไปทำหน้าที่อะไร

ส่วนทางด้านการเก็บรักษาตุ๊กตารักยมนั้นมักจะนำไปใส่ขวดที่มีขนาดเล็กโดยภายในขวดนั้นก็จะมีน้ำมันจันทร์หรือน้ำมันหอมตอนที่มีการทำพิธีปลุกเสกใส่เอาไว้แล้วนำตุ๊กตารักยมไปใส่เอาไว้ข้างใน ซึ่งทุกครั้งที่ผู้ที่ปลุกเสกเดินทางไปไหนมาไหนก็มักจะต้องพาตุ๊กตารักและยอมเดินทางไปด้วยและเมื่อกลับถึงบ้านก็จะถูกนำไปวางไว้ในที่ที่เหมาะสมเช่นแถวบริเวณหิ้งพระ

หลังจากนั้นก็จะต้องมีการดูแลด้วยการหาข้าวปลาอาหารมาให้กินซึ่งลักษณะของวิธีการดูแลนั้นก็เหมือนกับการดูแลเด็กที่ต้องหาทั้งอาหารและของเล่นมาให้นั่นเอง ข้อควรระวังอีกอย่างนึงในการดูแลรักยมก็คือน้ำมันที่อยู่ในขวดนั้นถ้าไม่แห้งอย่างเด็ดขาดไม่เช่นนั้นแล้วรักยมอาจจะไม่เชื่อฟังคนที่ดูแลอยู่เพราะฉะนั้นจะต้องมีการเติมน้ำมัน

ภายในขวดนั้นอย่างสม่ำเสมอและต้องดูแลรักยมอย่างดีเหมือนกับดูแลลูกหลานของตนเองที่สำคัญหากใครก็ตามที่อยากจะฟังข้อมูลข่าวสารอยากจะรู้เรื่องอะไรก็สามารถสอบถามรักยมได้ดั่งที่เราจะเห็นได้ตามในละครทีวีหรือแม้แต่ตามสำนักของอาจารย์ที่มีการเล่นวิชาอาคมนั่นเอง

 

 

สนับสนุนโดย  ทางเข้า ufabet ภาษาไทย