grandprixactual (1)
Search
Close this search box.

Author's posts

ตำนานจิ้งจอก9หางที่เก่าแก่ที่สุด

จิ้งจอก9หางที่เก่าแก่ที่สุด ซึ่งจากเหตุการณืที่ต้าจี่ได้ถูกฆ่าอย่างโหดเฮี้ยมและยังไม่มีใครรู้เลยว่าใครเป็นคนทำแต่จากการบันทึกในข้อมูลคาดว่าน่าจะเป็นฝีมือของจิ้งจอก9หางและหลังจากที่ต้าจี่นั้นถูกฆ่าจิ้งจอก9หางก็ได้แปลงกายสวมรอยเป็นต้าจี่แทนเพื่อที่จะลักรอบเข้าไปหาพระเจ้าโจฮวนนั่นเอง

โดยจากข้อมูลที่บันทึกตรงนี้เข้าบอกว่ามันเป็นผลมากๆพระเจ้าโจฮวนไม่สามารถจับได้เลย

ว่าคนๆนี้เป็นปีศาจจิ้งจอก9หางที่แปลงกายเข้ามาหาแต่กลับกายเป็นว่าพระเจ้าโจฮวนกับหลงเสน่ห์ของต้าจี่ที่ถูกจิ้งจอก9หางสวมรอยอยู่ถึงขั้นที่ว่าสั่งให้ไปทำอะไรก็ทำขออะไรก็ให้หรือแม้แต่ถึงขั้นที่ว่าสั่งให้สังหารคนเป็นผักเป็นปลาก็ทำได้หมดเลยโดยที่ไม่มีข้อแม้

นอกจากนี้อย่างที่ได้บอกไปปีศาจจิ้งจอก9หางหรือปีศาจทั้งสามตัวที่เจ้าแม่หนี่วาได้ส่งไปเขาได้มีพันธสัญญาอยู่หนึ่งอย่างนั่นก็คือในการที่จะออกไปทำภาระกิจนี้เจ้าจะต้องไม่ทำความเดือดร้อนให้กับประชาชนหรือราษฎรแต่ด้วยความที่ว่าความบ้าอำนาจของจิ้งจอก9หางที่สั่งให้ฆ่าคนเป็นว่าเล่นเลยและได้ครอบงำจิตใจพระเจ้าโจฮวน

เนื่องจากนี้จึงได้ทำให้เจ้าแม่หนี่วาโกรธมากบวกกับในตอนนั้นได้มีประชาชนหลายๆคนเรียกร้องให้นักบุญที่มีชื่อเสียงหรือหมอผีหมอปราบปีศาจต่างๆเข้ามาช่วยเพราะหลายๆคนคาดว่าเหตุการณ์เหล่านี้มันไม่ได้เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติอย่างแน่นอน

ซึ่งในตอนนั้นเองก็ได้มีนักบุญที่มีชื่อว่า เจี๋ยงจื่อหยา ได้เข้ามาช่วยปราบและเขามาช่วยคนในตอนนั้นและเหตุการณ์ตรงนี้บทสรุปนั่นก็คือปีศาจทั้งสามตัวรวมถึงจิ้งจอก9หางก็ได้ถูกจับได้และหลังวจากนั้นทั้งสามก็ถูกจับส่งตัวให้กับเจ้าแม่หนี่วานั่นเอง

เพราะฉะนั้นแล้วในเวลาต่อมาหลังจากที่ปีศาจสามตัวนี้ได้ถูกจับตัวไปเจ้าแม่หนี่วาก็ได้สินโทษประหารปีศาจทั้งสามตัวนี่เนื่องจากว่าปีศาจทั้งสามตัวนี้นั้นได้ทำสิ่งที่เกินคำสั่งเป็นอย่างมากและการกระทำเหล่านี้มันรุนแรงจนทำให้เจ้าแม่หนี่วาไม่สามารถยกโทษและให้อภัยได้

โดยปีศาจสองตัวแรกนั่นก็คือปีศาจไก่กับปีศาจพิณก็ได้ถูกประหารชีวิตไปแต่ปีศาจจิ้งจอกเขากลับหนีรอดออกมาได้แต่สุดท้ายในเวลาต่อมาก็ถูกจับได้และถูกตัดสินประหารชีวิตอยู่ดีนั่นเองและตรงนี้ก็คือข้อมูลตำนานที่มีความเก่าแก่มากที่สุดที่ได้ถูกค้นพบได้เกี่ยวกับเรื่องของปีศาจจิ้งจอก9หางนั่นเอง

 

สนับสนุนโดย.    gclub ฝากออโต้

ต้นไม้ที่มีขนาดใหญ่มากที่สุดในโลก

สำหรับต้นไม้ต้นต่อไปนี้ที่เราจะนำมาแนะนำให้ทุกคนได้รู้จักกันนั่นก็คือ ต้นกระบากใหญ่ ที่จังหวัดตาก นั่นเอง โดยต้นกระบากใหญ่ต้นนี้ ได้ตั้งอยู่ในอุทยานตากสินมหาราช จังหวัดตาก ในประเทศไทยบ้านเรานี่เองต้นกระบากใหญ่ต้นนี้ได้ตั้งมานานกว่า700ปีแล้ว

ซึ่งถือว่ามันได้เป็นต้นกระบากที่มีขนาดใหญ่มากที่สุดในประเทศไทยโดยมันได้มีเส้นรอบวงของลำต้นมากกว่า16เมตรและยังได้มีความสูงสูงกว่า50เมตรกันเลย

โดยต้นกระบากต้นนี้ได้ถูกค้นพบโดยชาวชนเผ่ามูเซอ เมื่อประมาณปี2519และหลังจากการถูกคันพบนี้ก็ได้เป็นการกำหนดพื้นที่แห่งนี้ให้มันกลายมาเป็นอุทยานแห่งชาติในระยะเวลาต่อมานั่นเอง

นอกจากนี้ก็ยังได้มีต้นไม้ใหญ่อีกต้นหนึ่งนั่นก็คือ ต้นผึ้งยักษ์ ตั้งอยู่ที่ อุทัยธานี ในประเทศไทยบ้านเรานี้เองโดยต้นผึ้งยักษ์ต้นนี้นั้นมันได้มีอายุราวๆประมาณ400กว่าปีกันเลยถือได้ว่ามันได้เป้นที่น่ามหัศจรรย์แก่ผู้ที่ได้มาพบเห็นกันเป็นอย่างมากที่สุด

เพราะเนื่องจากว่าต้นผึ้งยักษ์ต้นนี้ได้มีรากภูพรหรือรากที่เป็นที่ได้เป็นปีกคอยค่ำยันที่อยู่บริเวณโค่นต้นไม้นี้ถือได้ว่ามันได้มีขนาดใหญ่มากที่สุดในประเทศไทยกันเลยโดยต้นผึ้งต้นนี้ได้มีรเส้นรอบวงในส่วนของลำต้นประมาณ45เมตรและยังได้มีความสูงกว่า70เมตร

ซึ่งในพื้นที่บริเวณโดยรอบนี้มันก็เต็มไปด้วยต้นหมากเป็นจำนวนมากจนมันได้ทำให้พื้นที่แห่งนี้ได้รับฉายาว่า ป่าหมากล้านต้นนั่นเองฟังดูแล้วถือว่าใหญ่เอาเรื่องอยู่เหมือนกัน

สำหรับต้นไม้ต่อไปนี้ก็คือ ต้นมหึมามเหสักข์ ที่จังหวัดอุตรดิตถ์ นั่นเองโดยต้นมหึมามเหสักข์ต้นนี้ได้เป็นต้นยักษ์ที่มีขนาดใหญ่มาที่สุดมากและลยังได้เป็นต้นไม้ที่ได้มีอายุมากที่สุดในโลกอีกด้วยที่คาดการณ์กันว่าต้นมหึมามเหสักข์นี้น่าจะมีอายุราวประมาณ1,500ปีกันเลย

นอกากนี้ต้นมหึมามเหสักข์ต้นนี้ก็ยังได้รับพระราชทานชื่อจากสมเด็กพระเทพด้วยว่า มเหสักข์ โดยหมายถึงเหล่าเทวดาผู้ใหญ่นั่นเองและขนาดของต้นมหึมามเหสักข์ต้นนี้ได้มีเส้นรอบวงที่วัดได้โดยประมาณ10.2เมตรและยังได้มีความสูงประมาณ38.5เมตรกันเลย

ซึ่งก็ได้ตั้งสง่าอยู่ท่ามกลางของสิ่งแวดล้อมแล้วก็ในระบบนิเวทที่มีความสมบูรณ์มากๆเลยที่อุทยานต้นสักข์ใหญ่ในอุทยานอุตรดิตถ์ในประเทศไทยบ้านของเรานี่เองทั้งนี้หากใครที่ชื่นชอบในความเป็นธรรมชาติก็สามารถไปท่องเที่ยวชมต้นไม้เหล่านี้ได้ตามข้อมูลที่เราได้นำเอามาให้ทุกคนได้รับทราบกันได้เลย

 

 

สนับสนุนโดย.    gclub

เรื่องราวของชาวโอมยาคอน (หมู่บ้านที่หนาวที่สุดในโลก)

หมู่บ้านที่หนาวที่สุดในโลก เนื่องจากพวกเขาต้องหาเลี้ยงชีพด้วยการฆ่าสัตว์พวกเขาจึงต้องทำการบูชาต่อเทพที่ต้องปกป้องธรรมชาติอยู่ตลอดเวลารูปร่างที่เตี้ยผิวสีจางและโครงร่างที่แข็งแรงคือคุณลักษณะของคนที่อยู่ที่นี่ ซึ่งปรับตัวเข้ากับสภาพอากาศได้ เนื่องจากรัฐบาลของซาฮาได้ช่วยดูแลคนเล่ร่อนของโอมยาคอนมันจึงไม่ยากในการดำรงชีวิตอยู่ที่นี่

แม้จะถูกตัดขาดและต้องเผชิญกับสภาพอากาศที่โหดร้ายแต่ชีวิตของที่นี่ก็เรียบง่าย

ชีวิตของคนที่นี่ยังคงไม่เปลี่ยนไปจากเมื่อครั้งในอดีตกระทั่งประเทศที่ทรงอิธิพลอย่างสหภาพโซเวียดก็ยังไม่สามารถที่จะเปลี่ยนคนเหล่านี้ได้ การถักเสื้อผ้าจะเป้นการนำด้ายที่ทำขึ้นมาจากขนกวางเรนเดีย พวกเขาจะออกไปตามกวางเรนเดียถ้าพวกมันหนีออกไปและถ้าพวกมันหายก็จะรอแทนที่จะบีบบังคับธรรมชาติ พวกเขาเหล่านี้ยังเดินตามวิถีเก่าแก่ด้วยการเดินตามธรรมชาติ

อุณหภูมิในโอมยาคอนยังคงลดต่ำลง กระทั่งพวกวัวก็ต้องเตรียมให้พร้อมเมื่อเข้าสู่ฤดูหนาว อากาศที่หนาวเย็นมักจะทำให้ความสบายของพวกเขาใช้การไม่ได้ ทุกบ้านจะมีประตูสามชั้นถึงแม้จะถูกป้องกันไว้อย่างดีแต่สายไฟก็มักจะกลายเป็นน้ำแข็ง

น้ำแข็งที่เกาะอยู่บนเพดานดูแล้วไม่ต่างจากหินย้อยที่อยู่ภายในถ้ำ สถานการณ์เช่นนี้จะต้องเกิดขึ้นกับทุกบ้าน ส่วนใหญ่แล้วปัญหาไฟดับของที่นี่มักจะเกิดขึ้นเพราะสายไฟหรืออุปกรณ์กลายเป็นน้ำแข็ง ปัญหานี้ดูเหมือนจะเกิดขึ้นกับทุกบ้าน แต่ว่าก็ไม่มีอะไรที่จะแก้ไขกันไม่ได้

ไม่มีท่อประปาในโอมยาคอนแต่พวกเขาจะตัดก้อนน้ำแข็งออกมาแล้วละลายเพื่อนำไปทำเป็นน้ำดื่มบ่อน้ำในท่อจะแข็งตัวตลอดทั้งวันถ้าพวกเขาติดตั้งท่อน้ำ ดังนั้นจึงไม่มีน้ำประปาที่นี่ เขาจะต้องทำการละลายน้ำแข็งเพื่อจำนำไปเป็นน้ำดื่ม และเขาจะต้องนำน้ำไปเลี้ยงสัตว์ด้วย

ครอบครัวส่วนใหญ่ในโอมยาคอนจะเลี้ยงสัตว์ไว้หลายตัว ชาวซาฮาไม่สามารถทำฟาร์มหรือในช่วงแปดเดือนของฤดูหนาวในแต่ละปี สำหรับพวกเขาวัวเป็นสัตว์เลี้ยงที่มีค่าที่ทำให้พวกเขาอยู่รอดได้ในฤดูหนาวที่โหดร้าย วัวจึงเป้นเหมือนกับสมาชิกในครอบครัวมากกว่าเป็นสัตว์เลี้ยง

แม้อากาศจะหนาวเหน็บแต่ว่าชาวโอมยาคอนก็มีชีวิตอยู่อย่างสบาย อาหารของพวกเขามีอยู่อย่างเหลือเฟือและเต็มไปด้วยไขมัน นั่นก็เพราะพวดเขาจะต้องอยู่ท่ามกลางอากาศที่หนาวเย็นตลอดทั้งวัน บ้านเรือนที่นี่จะเต็มไปด้วยสมาชิกครอบครัวและอาหารที่ร้อนความอบอุ่นภายในบ้านและจากเตาทำให้ดินแดนสุดโหดนี้เป้นสถานที่ที่น่าอยู่ที่สุดในโลก

 

สนับสนุนโดย.  www.ufabet.com ลิ้งเข้าระบบ

ตำนาน  lucifer 

  ตำนาน  lucifer   อดีตทูตสวรรค์ระดับชั้นเซราฟินเคยมีหน้าที่ขับลำนำนมัสการสรรเสริญเจ้าเคยเป็นผู้มีอำนาจเหนือบรรดาทูตสวรรค์ทั้งหมดมีปีก 16 คู่ในขณะที่ทูตสวรรค์ seraphim ทั่วไปมีปีกเพียงแค่ 3 คู่เท่านั้นที่ลูซิเฟอร์กลายเป็นทูตสวรรค์ ก็เพราะว่าทีแรกเนี่ยพระเจ้ารักลมากที่สุด  แต่ภายหลังพระเจ้าได้สร้างโลก 

และพระเจ้าก็รักมนุษย์ มากกว่าเขาทำให้  luciferไม่พอใจ ดังนั้น   lucifer จึงได้ก่อกบฏต่อพระเจ้า และพระเจ้าก็ทำโทษด้วยการให้ luciferตกสวรรค์ และสุดท้าย luciferก็ได้กลายมาเป็นจอมมารแห่งนรกลูซิเฟอร์ อยู่ในตำนานของฮิปบลู 

      สำหรับความหมายของชื่อ lucifer   นั้นแปลว่าผู้นำแสงสว่างหรือแสงรุ่งอรุณ คัมภีฮิบบลูกล่าวว่า   lucifer  ถูกซาตานยุยง ต่อมานักบุญเจอโรมในช่วงคริสตจักรเรืองอำนาจเห็นว่า ควรเรียกผู้ต่อต้านพระเจ้าว่าซาตาน มากกว่าที่จะเรียกว่า Lucifer  ดังนั้นคำว่า Lucifer กับคำว่าซาตาน จึงถูกนำมาใช้เรียกแทนกันในที่สุด  ซึ่งความหมายก็คือ คนที่ต่อต้านพระเจ้าหรือหัวหน้าพวกปีศาจในนรก 

        สำหรับเรื่องราวของ Lucifer แม้ว่าจะไม่มีคัมภีย์ไบเบิ้ล แต่ก็มีในมหากาฬที่ชื่อว่า ลอฟพาราไดส์   ซึ่งมีการเขียนเอาไว้ว่า Lucifer ได้มีการชักชวนทูตสวรรค์ ถึง 2ใน 3 ให้ต่อสู้กับพระเจ้า  แต่สุดท้าย Lucifer ได้พ่ายแพ้ให้กับ แองเจิ้ล อาร์กมิคาเอล และได้ร่วงหล่นลงมา

ทำให้ Lucifer ถูกเรียกว่า ซาตาน  และได้เป็นตัวแทนของการเป็นบาปในการเย่อหยิ่งและอหังการ ซึ่งถือว่าเป็นบาปที่ร้ายแรงที่สุด   โดย Lucifer มีสัญลักษณ์เป็นม้า  สิงโต และนกยูง 

          ตำนานเล่าว่าส่วนใหญ่แล้ว Lucifer มักจะปรากฏกายในลักษณะของ มังกร  หรือไม่ก็สิงโต  และ Lucifer จะมีสมุนคู่ใจมีชื่อว่า ซาตาน อักเคลียและอาการีแอ็ก ซึ่งสมุนทั้งสองตนนี้จะอยู่ข้างกายของ Lucifer เสมอ 

และสำหรับสัญลักษณ์แทนตัว Lucifer ก็คือ กางเขนกลับหัว  และเลข 666  ที่เรียกกันว่าเลขของซาตานนั่นเอง  และสำหรับตัวแทนของบาปเจ็ดประการนั้น ซาตานเป็นบาปแห่งความโกรธแยกกับ Lucifer อย่างชัดเจนมาก 

       บางคัมภีย์ ระบุว่า พระเจ้าไม่ได้สร้างซาตาน แต่ซาตานคือร่างที่มีอยู่มาก่อนแล้ว  สำหรับในลัทธิที่มีการบูชา Lucifer มองว่า  Lucifer ให้พรทางด้านการปลดปล่อยและการปล่อยวาง การก้าวข้ามความกลัว  และเราจะเห็นได้ว่า ในไพ่ทาโร่ ภาพของ Lucifer จะอยู่หน้าไพ่เดอะเดต นั่นเอง

     อย่างไรก็ตามจะเห็นได้ว่าภาพวาดของ  lucifer   จะมีการวาดภาพเอาไว้อย่างสวยงาม ซึ่ง lucifer    นั้นจะมีใบหน้าที่หล่อเหลาแต่ในขณะเดียวกันซาตานนั้นจะมีหน้าตาที่ค่อนข้างอัปลักษณ์ซึ่งถือว่ารูปร่างหน้าตาของทั้งสองนั้นตรงกันข้ามกันเลยทีเดียว 

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย  แจ้งฝาก-ถอน ufabet

เรื่องราวเกี่ยวกับ สระ อรทัย เทพกัญญา สมัยรัชกาลที่5

สำหรับการเสียชีวิตของพระน้องนางเธอได้มีการสันนิษฐานว่า พระเจ้า อรทัย เทพกัญญา อาจจะป่วยเป็นโรคประสาทชนิดหนึ่งแล้วก็ได้ฆ่าตัวตายได้ในที่สุดและในเวลาต่อมาก็ได้ทำให้เกิดเรื่องราวแปลกๆขึ้นมาภายในวังเวลาที่ใครเดินออกไปไหนมาไหนในตอนกลางคืนก็จะได้ยินเสียงแปลกๆเหมือนกับเสียงโหยหวนคนหนึ่งกรีดร้องโวยวายด้วยความเจ็บปวดอยู่เสมอ

ซึ่งในตอนนั้นคนในวังก็คือว่าต้องเป็นการร้องอย่างทรมานของเจ้าหญิงที่พึ่งเสียไปแน่ๆวิญญาณที่ทุกข์ทรมานของพระองค์ก็อาจจะยังไม่ได้ไปไหนก็ยังวนเวียนอยู่ในพระราชวังและข่าวนี้ก็เลยดังไปทั่วในหมู่ของชาววังเลยจนกระทั่งหลังจากนั้นก็ไม่มีใครกล้าที่จะเดินออกไปไหนในตอนกลางคืน

ขนาดที่ว่าคนภายในวังปวดท้องห้องน้ำก็ยังต้องกลั้นเอาไว้ไม่ขอไม่เดินไปสุขาจะดีกว่าข่าวลือเรื่องนี้มันก็ดังมากจนกระทั่งเรื่องได้ไปถึงหูของกษัตริย์ไทยในสมัยนั้นก็คือรัชกาลที่ 5

เมื่อพระองค์ได้ทรงทราบเรื่องนี้ก็มีความคิดที่จะให้แก้เรื่องอาถรรพ์ชนิดนี้รัชกาลที่5ก็เลยจัดการให้มีการสร้างสระน้ำนี้ขึ้นมาโดยให้ชื่อสระนี้ว่า สระ อรทัย เทพกัญญา ตามชื่อของเจ้าหญิงหลังจากนั้นก็ให้ทำบุญถวายสังฆทานและได้มีการเฉลิมฉลองสระเลย

นอกจากนี้หลังจากที่ได้ทำพิธีอะไรแล้วเสียงร้องโหยหวยยามกลางคืนที่ทุกคนได้ยินก็ไม่มีดังขึ้นมาอีกเลยแต่เรื่องนี้โดยส่วนตัวเราคิดว่ามันจะเป็นเรื่องที่มีการแต่งเต็มสีสันเข้าไปมากกว่าเพราะว่าจากที่เราได้ไปค้นหาข้อมูลมาสระน้ำแห่งนี้ได้ถูกสร้างขึ้นมา1ปีก่อนที่เจ้าหญิงจะเสียงชีวิต

ดังนั้นก็ไม่น่าจะเป็นไปได้ว่าคนในวังได้ยินเสียงโหยหวยและเขาจึงได้ไปสร้างสระเรื่องต่อมานี้ก็เป็นเรื่องที่อยู่ใกล้กับยุคของเราเข้ามาหน่อยบ้างก็บอกว่ามันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในยุคสมัยรัชกาลที่8บ้างก็บอกว่าเป็นรัชกาลที่9แต่ก็เอาเถอะใจความนั้นได้มีอยู่ว่า

โดยได้มีครั้งหนึ่งที่ทางสำนักพระราชวังได้จ่ายให้หมู่ช่างมาซ้อมแท่นพระราชอาสน์ก็คือจะเป็นที่ประทับของพระเจ้าอยู่หัวว่ากันว่าแท่นนี้เป็นแท่นที่พระมหากษัตริย์ทรงใช้ประทับแล้วหลายพระองค์เลยจึงทำให้คนไทยหลายๆคนเชื่อกันว่าบนพระแท่นนั้นจะมีของศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นเทวดาปกปักรักษาอยู่

ซึ่งในหมู่ช่างซ้อมทั้งหลายก็จะมีช่างซ้อมคนหนึ่งที่เป็นคนจีนด้วยความนายช่างเขาเป็นชาวจีนก็ไม่รู้จักประเพณีอะไรการทำการเคารพสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่คนไทยเขาทำกันชาวจีนเขาไม่รู้ภาษาจึงได้ขึ้นไปลือทำการซ้อมและได้ตกลงมาอย่างไม่คาดคิดสุดท้ายนอนสลบไปยาวเลย

 

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย.    ufabet ฝาก-ถอน เอง

ชีวิตดีเงินเดือนขั้นต่ำเท่าไหร่

ซึ่งเรามาดูกันว่าด้วยเรื่องของค่าแรงเรื่องของเงินเดือนหลายคนก็อยากที่จะต้องการกันอยู่แล้ว. ชีวิตดีเงินเดือนขั้นต่ำเท่าไหร่  ว่าทำงานก็อยากที่จะได้เงินเยอะๆแต่ว่าสองตัวนี้มันสำพันธกับเศรษฐกิจดัชนีอีกหลายๆตัวเราจะต้องตามไปดูกันเราจะเริ่มในชุดแรกก่อนว่าเงินเดือนขั้นต่ำ

เรามาดูต่างประเทศเทียบกับประเทศไทยกันหน่อยดีกว่ามาดูว่านี้คือผลสำรวจเฉลี่ยเป็นผลสำรวจเมื่อปี2562เป็นเงินเดือนเฉลี่ยเกี่ยวกับผู้คนที่ประเทศต่างๆทั้ง สิงคโปร์เกาหลีใต้ญี่ปุ่นเราจะเทียบให้ฟังว่าเงินเดือนเฉลี่ยของคนไทยมันยังไงเงินเดือนเฉลี่ยของคนสิงคโปร์บอกเลยแล้วกัน

เงินเดือนเขาอยู่ที่96,132บาทเงินเดือนเฉลี่ยของเกาหลีใต้อยู่ที่91,699บาทเงินเดือนเฉลี่ยของคนญี่ปุ่นอยู่ที่87,395บาทเอาล่ะเงินเดือนเฉลี่ยยังไม่มาไม่เป็นไรมีเงินเดือนปริญญาตรีจบใหม่ในกรุงเทพมหานครไหมเราขอพูดถึงที่กรุงเทพมหานครก่อน

โดยเงินเดือนปริญญาตรีจบใหม่ในกรุงเทพมหานครเงินเดือนป.ตรี53-54 ถึง 12,000บาท56-57 14,000บาท 58-62 ยังไม่ได้ปรับขึ้น15,000บาทดังนั้นเราเอาไปเทียบกับอะไรเราเอาไปเทียบกับราคาข้าวผัดกระเพรา ข้าวผัดกระเพราย้อนกลับไปเมื่อปี53-54ราคาตลาด20-25บาทปี55-58ราคา25-30บาทปี59-60ราคาถึง30-40บาทและปี61-62ราคา40-50บาท

ดังนั้นเขาได้สสรุปเอาไว้แบบนี้จากปี53เงินเดือนขั้นต่ำของคนไทยเพิ่มขึ้นเฉลี่ย25%จาก12,000เป็น15,000แต่ดูราคาข้าวผัดกระเพราไข่ดาวจากปี53 20บาทเพิ่มขึ้นเป็น40-50บาทมันเพิ่มขึ้นถึง100-150%ถ้ามองข้อมูลด้านนี้ก็คงจะรู้สึกว่าจริงๆด้วยดูเหมือว่าค่าครองชีพมันจะสูงขึ้นเร็วจังแต่เงินเดือนมันสูงขึ้นตามไม่ทันตามราคาข้าวผัดกระเพราเลย

คราวนี้ย้อนกลับมาดูอีกที่ได้กล่าวไปเมื่อสักครู่นี้เงินเดือนเฉลี่ยเทียบกับค่าครองชีพของประเทศต่างๆสิงคโปร์เดือนเดือนเขา96,132บาทค่าครองชีพ27,000บาทเกาหลีใต้เงินเดือน91,699ค่าครองชีพ33,000บาทญี่ปุ่นเงินเดือน87,395บาทค่าครองชีพ35,000บาทฮ่องกงเงินเดือน59,390ค่าครองชีพ30,600บาทจีนเงินเดือน26,037ค่าครองชีพ19,700บาทมาเลเซีย 18,260บาทค่าครองชีพ17,000บาทดูเหมือนว่าเงินเดือนเฉลี่ยของเขานั้นจะมากกว่าค่าครองชีพ

เนื่องจากนี้เรามาดูต่ออีก3ประเทศที่มันแปลกหน่อย ไทย เราเงินเดือนเฉลี่ย13,736แต่ค่าครองชีพ21,400บาท เวียดนามเงินเดือน7,092บาทค่าครองชีพ15,000บาทกัมพูชาเงินเดือน5,656บาทค่าครองชีพ18,400บาทดูรู้แบบนี้แล้วหลายคนก็รู้สึกว่าทำไมเราไม่เป็นเหมือนประเทศเมื่อสักครู่นี้ตัวเงินเดือนเฉลี่ยนั้นสูงกว่าค่าครองชีพ

เมื่อได้พิจารณษแบบนี้แล้วแล้วไปสรุปเอาถ้าการเมืองมันดีแล้วก็เราจะกลายเป็นประเทศเกาหลีเหมือนฮ่องกง ญี่ปุ่น อันนี้เป็นการสรุปที่ดูจะตื้นเขินเกินไป

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย  gclub slot ทดลองเล่น

มาทำความรู้จักกับศิลปะแบบเรอเนซองส์กันเถอะ

ศิลปะแบบเรอเนซองส์ เราต้องไม่ลืมว่ายุโรปก็เป็นเพียงส่วนเดียวของโลกนี้ ส่วนอื่นๆของโลกก็ไม่ได้อยู่ในยุคกลางหรือยุคมืด โดยทุกคนก็จะมีประวัตอศาสตร์ของพวกเขากันไป ไม่ว่าจะเปป้นโลกของอิสลามในยุคกลางในยุโรปนั้นเจริญรุ่งเรืองมากนะโดยเฉพาะความรู้ทางด้านของการแพทย์และวิทยาศาสตร์เรียกว่าล้ำหน้ากว่ายุโรปไปหลายขุมมากเลย 

ในทางอารยธรรมความเป็นอยู่ในโลกอิสลามต้องเรียกว่าแอดวานซ์มากเลย

มากกว่ายุโรปราวกับฟ้ากับเหวเลย ในขณะที่เมืองในยุโรปยังใช้แม่น้ำเป็นส้วมกันอยู่หลายเมืองในโลกอิสลามมีน้ำประปาและไฟถนนแล้วนะ มีกระทั่งบิวตี้ซาลอนแล้วก็มีแม้กระทั่งน้ำยาดับกลิ่นเต่าอะไรแบบนี้ค่ะ 

คือเรียกว่าถ้าเทียบกันแล้วนี่ความเป็นอยู่ของคนในยุโรปนี่ก็คือแบบว่าอยู่กันเข้าไปได้ยังไงอะไรประมาณนี้ โดยทวีปแอฟริกาก็เช่นกันค่ะ การขยายตัวของอารยธรรมอิสลามก็เข้าไปสู่แอฟริกาด้วยมีอาณาจักรที่เจริญรุ่งเรืองเกิดขึ้นมากมายนะคะ ในแถบซสฮารานอกจากนี้ยังมีการค้าขายกับจีนอีกด้วยนะ

ทางตะวันออกไปอีกก็คือจีน ซึ่งสิ่งเหล่านี้ถือได้ว่าเป็นเรื่องราวของของเอง โดยจะไปอีกไหมแบบของทางนึง โดยในปีนั้นก็จะมีราชวงศ์ที่เกิดขึ้นโดยตั้งอยู่ระดับไปเรื่อยๆ ซึ่งในนั้นก็จะมีราชวงศ์ถังที่ทำการปกครองถึง 300 ปี นอกจากนั้นก็ยังจะมีช่วงที่คนละวงแตกแยกวุ่นวายโดยตามสไตล์ของจีนเขานั่นแหละ

อย่างไรก็ตามทีมนั่นก็คือจีน ในด้านของการเจริญรุ่งเรืองก็มีการสลับกับความวุ่นวายและความตกต่ำ แล้วก็ยังคงต่อสู้กับชนเผ่าที่อยู่นอกกำแพงอยู่ตลอดเวลาอีกด้วย

จากนั้นก็มีการแพ้แล้วก็ถูกมังกรคาบถุงทองในช่วงเวลา  คศ.1200

จากนั้นราชวงศ์มองโกลก็ได้สร้างความเจริญรุ่งเรืองให้แก่จีนเพิ่มมากขึ้นไปอีก เอาเป็นว่าเรื่องราวเหล่านี้เราก็เพียงแค่ต้องการที่จะย้ำว่า ทำได้ในยุคเรเนซองหนูว่าจะมีความสำคัญมากมายเท่าไหร่นะ แต่ว่านั่นก็ไม่ใช่ทั้งหมดของประวัติศาสตร์โลกเสร็จทีเดียว

อีกอย่างหนึ่งนั่นก็คือความสำคัญของยุคเรอเนซองส์นี้ก็ยังคงเป็นที่ถกเถียงกันอย่างหนักอยู่ในหมู่นักประวัติศาสตร์ทั้งหลาย เนื่องจากว่าถ้าหากเราได้ศึกษาลงไปแบบเล็กๆแล้วล่ะก็ เราก็จะพบเกี่ยวกับปรากฏการณ์ของเรเนซอง โดยมันไม่ได้เกิดขึ้นจากที่อิตาลีเป็นที่แรก 

เนื่องจากว่ามันยังมีสิ่งที่เรียกว่า คาโรลินเจียน เรอเนซองส์โดยอยู่ในช่วงทศวรรษที่ 8 นอกจากนั้นยังมีโซเดียมเรเนซองในศตวรรษที่ 11 อีกด้วย นอกจากนั้นแล้วยังมีศิลปะที่เรียกว่าเรอเนซองส์ในอิตาลีอีกนะ เดินบัญชีการเกิดขึ้นในเมืองของฟลอเรนซ์และแพร่ขยายออกไป ซึ่งเราจะมาพูดถึงสภาพทางเศรษฐกิจและสังคมและการเมืองที่เป็นการส่งเสริมให้เกิดการเรเนซองทางด้านศิลปะ

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย    gclub อันดับ 1

ตำนานอาถรรพ์เจ้าหญิง อาเมน – รา 

       อาถรรพ์เจ้าหญิง เชื่อว่าหลายคนคงเคยได้ยินเกี่ยวกับเรื่องราวความน่ากลัวของอาถรรพ์ของโลงศพเจ้าหญิง   อาเมน – รา  กันมาบ้างแล้ว  ซึ่งตอนที่มีการค้นพบโลงศพของเจ้าหญิงนั้นก็ว่าน่ากลัวแล้วเพราะเศรษฐีหนุ่มทั้ง 4 คนที่เป็นเพื่อนกันที่เป็นคนนำโรงศพของเจ้าหญิงออกมาจากสงสารต่างก็ได้รับผลกรรมที่ทำมาจนเสียชีวิตตายทั้งหมดแต่เรื่องราวอาถรรพ์นั้นไม่ได้จบเพียงแค่เท่านั้น

       เนื่องจากว่าโลงศพนั้นถูกนำออกมาจากสุสานและถูกส่งมาประเทศอังกฤษเป็นที่เรียบร้อยแล้วโดยก่อนที่เศรษฐีทั้ง 4 คนจะเสียชีวิตเขาได้มีการประกาศขายโลงศพของเจ้าหญิง   อาเมน – รา และได้มีคนรับซื้อซึ่งคนที่รับซื้อโลงศพของเจ้าหญิง   อาเมน – รา นั้น เป็นนักธุรกิจคนหนึ่งที่ทำธุรกิจอยู่ในเมืองลอนดอนประเทศอังกฤษนั่นเอง

           และหลังจากที่เขาได้รับโลงศพมาไว้ในบ้านของเขาก็ทำให้ตัวเขาเองและสมาชิกในครอบครัวของเขานั้นต่างก็ต้องเจอกับเรื่องราวอาถรรพ์ที่น่ากลัวมากมายจนท้ายที่สุดเขาจำเป็นที่จะต้องนำโรงศพนั้นไปมอบให้แก่พิพิธภัณฑ์เพื่อที่อาถรรพ์ที่เขาได้เจอนั้นจะได้สิ้นสุดลง

          โดยเหตุการณ์ที่เราและคนในครอบครัวเธอนั้นก็คือหลังจากที่โลงศพเดินทางมาถึงประเทศอังกฤษและเขาได้นำโรงศพมาเก็บไว้ที่บ้านปรากฏว่าคนในครอบครัวของนักธุรกิจหนุ่มนั้นต่างก็ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตกันไปทีละคนสองคนจนไม่เหลือแม้แต่คนเดียวและที่สำคัญบ้านของนักธุรกิจหนุ่มนั้นก็ประสบกับปัญหาไฟไหม้โดยที่ไม่ทราบสาเหตุ

           ซึ่งแน่นอนว่าเขาเชื่อว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดนั้นน่าจะเป็นอาหารที่มาจากโรงศพของเจ้าหญิง   อาเมน – รา ทำให้เขาตัดสินใจที่จะบริจาคโลงศพนี้ให้กับพิพิธภัณฑ์แห่งหนึ่งของประเทศอังกฤษ  แต่เรื่องอาถรรพ์ก็ไม่ได้จบลงเพียงแค่เท่านั้นเพราะเมื่อทางพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ไปเก็บไว้ที่พิพิธภัณฑ์แล้วปรากฏว่าพิพิธภัณฑ์เองก็โดนเรื่องราวอาถรรพ์ของโรงศพนี้เช่นเดียวกันเพราะหลังจากที่ได้รับโลงศพไปไว้แสดงในพิพิธภัณฑ์ก็มีเรื่องร้ายๆเกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้ง

                โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกิดเหตุการณ์คนร้ายบุกเข้าไปในพิพิธภัณฑ์และทำร้ายนักท่องเที่ยวที่เข้าไปเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์รวมถึงยังมีเหตุการณ์ต่างๆเกิดขึ้นมาก  จนในที่สุดเจ้าหน้าที่ที่ดูแลพิพิธภัณฑ์  ก็จำเป็นที่จะต้องนำโลงศพของ เจ้าหญิง   อาเมน – รา ออกจากพิพิธภัณฑ์เพื่อหลีกเลี่ยงอาถรรพ์ซึ่งได้มีนักโบราณคดีคนหนึ่งเขาไม่เคยเชื่อเกี่ยวกับเรื่องราวอาถรรพ์เลยจึงได้รับเอาโรงศพของเจ้าหญิง   อาเมน – รา มาไว้เองไว้เอง

             โดยมีการย้ายไปไว้ที่เมืองนิวยอร์ก  โดยการขนส่งทางเรือซึ่งอาถรรพ์เกิดขึ้นอีกครั้งหนึ่งเมื่อนำดังกล่าวนั้นได้จมลงในมหาสมุทรผู้โดยสารที่อยู่บนเรือดังกล่าวตายไปทั้งหมด 1500 คน เหลือคนรอดชีวิตไม่กี่ร้อยคนเท่านั้น และโลงศพของ เจ้าหญิง   อาเมน – รา ก็หายสาปสูญจากเหตุการณ์เรือล่ม ในครั้งนั้น เช่นเดียวกัน

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย    ufabet ฝาก-ถอน ออโต้

ประวัติพราหมณ์พาวรี

         ประวัติพราหมณ์พาวรี หลายคนไม่คุ้นหูชื่อพราหมณ์พาวรีกันมากนักเพราะว่าแท้ที่จริงแล้วพาวรีนั้นไม่ค่อยมีชื่อเสียงโด่งดังเกี่ยวกับเรื่องของการเผยแพร่พระพุทธศาสนาให้กับพระพุทธเจ้ามากนักซึ่งตามประวัติความเป็นมาของพราหมณ์พาวรีแล้วระบุว่าพราหมณ์พาวรีนั้นเกิดขึ้นมาในช่วงสมัยของพระพุทธเจ้าเช่นเดียวกันโดยพราหมณ์พาวรีนั้นเป็นลูกของปุโรหิตในราชสำนักของกรุงสาวัตถี

         ซึ่งในช่วงเวลานั้นเป็นช่วงของการครองราชย์ของพระเจ้าปเสนทิโกศล

โดยตามประวัติแล้วพราหมณ์พาวรีนั้นเป็นลูกหลานของตระกูลพราหมณ์ซึ่งโดยปกติแล้วในสมัยโบราณนั้นยังไม่ได้มีศาสนาภายในพระราชวังจะมีพราหมณ์ที่จะคอยหาฤกษ์งามยามดีให้กับกษัตริย์ซึ่งหลังจากที่ภาวดีเกิดมาก็ได้ดำรงตำแหน่งตามครอบครัว

โดยรับตำแหน่งเป็นพระพุทธแต่หลังจากเมื่อมีการเติบโตเจริญวัยขึ้นก็เริ่มอย่าที่จะมีรัฐที่เป็นของตนเองจึงลาออกจากราชการแล้วก็มาบวชเป็นชรินทร์ตามลัทธิพราหมณ์หลังจากนั้นก็ย้ายมาอยู่แถวบริเวณเขตชายแดนเมืองโอซาก้าและเมืองหักอะซึ่งเปิดสำนักอยู่ใกล้กับริมแม่น้ำโคธาราวดีโดยมีการเปิดสอนเกี่ยวกับไตรเพท

          อย่างไรก็ตามเมื่อพราหมณ์พาวรีมีการเปิดสำนักเป็นของตนเองปรากฏว่ามีลูกศิษย์ลูกหามากมายต่อมาพระอภัยมณีได้รู้ข่าวเกี่ยวกับเรื่องของเจ้าชายที่ชื่อว่าเจ้าชายสิทธัตถะที่หนีออกจากวังและออกมาบวชหลังจากนั้นเจ้าชายสิทธัตถะนั้นก็เป็นพระอรหันต์และเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าซึ่งทางภวรีนั้น

อยากจะรู้ว่าข่าวลือที่ได้ยินนี้เป็นความจริงหรือไม่ดังนั้นพราหมณ์พาวรีจึงได้ส่งลูกศิษย์ของตนเองจำนวนทั้งหมด 16 คนด้วยกันซึ่งเป็นลูกศิษย์ที่ พราหมณ์พาวรีนั้นไว้วางใจเป็นอย่างมาก ให้เดินทางมาหาพระพุทธเจ้าซึ่งในขณะนั้นพระพุทธเจ้าเองนั้นก็อยู่แคว้น มคธ  อยู่ตรงบริเวณปาสาณเจดีย์  

          การเดินทางไปหาพระพุทธเจ้าในครั้งนั้น พราหมณ์พาวรี ได้มีการแต่งตั้งอชิตมานพให้เป็นหัวหน้าพราหมณ์ทั้งหมดในการเดินทางไปหาพระพุทธเจ้า แล้วก็มีคำถามฝากไปถามพระพุทธเจ้าซึ่งคำถามนั้นเป็นปัญหาทั้งหมด 16 16 ข้อมูลด้วยกัน  ซึ่งตามแต่ละคนนั้นก็จะมีการเตรียมคำถามไปคนละหมวด   

    แน่นอนว่าเมื่อไปเจอกับพระพุทธเจ้าแล้วและได้มีการพูดคุยแลกเปลี่ยนและถามคำถามกับพระพุทธเจ้าทำให้มานพทั้ง 15 คน ได้เข้าใจถึงหลักธรรมคำสั่งสอนและในที่สุดก็สามารถบรรลุเป็นพระอรหันต์ได้แต่ว่ามีมานพอยู่ 1 คนซึ่งมานพคนนี้นั้นเป็นหลานของพราหมณ์พาวรี  มีชื่อว่า ปิงคิยมาณพ ไม่สามารถบรรลุเป็นพระอรหันต์ได้

        เนื่องจากว่าในขณะที่มีการฟังคำสอนมาเทศนาของพระพุทธเจ้านั้น

จิตใจนั้นฟุ้งซ่านมัวแต่คิดถึงลุงของตนเองเสียดายที่ลงของตนเองไม่ได้มาเจอกับพุทธพระพุทธเจ้าเองเพราะถ้ามาเจอแล้วก็คงจะบรรลุเป็นพระอรหันต์เหมือนกันดังนั้นเมื่อจิตใจไม่นิ่งก็จึงทำให้ฟังธรรมแล้วไม่รู้แจ้งเห็นจริงจึงไม่สามารถเป็นบรรลุพระอรหันต์ได้แต่ว่าก็สามารถบรรลุเป็นพระโสดาบันได้นั่นเอง

         อย่างไรก็ตามมานพทั้ง 16 คนที่เดินทางมากราบไหว้พระพุทธเจ้าและถามคำถามนั้นทุกคนเลื่อมใสศรัทธาต่อพระพุทธเจ้าเป็นอย่างมากท้ายที่สุดแล้วทุกคนนั้นก็ทำการบวชกับพระพุทธเจ้าและเมื่อบวชเสร็จเรียบร้อยแล้วก็พากันเดินทางกลับไปหาพราหมณ์พาวรี  หลังจากนั้นก็นำคำตอบไปตอบให้กับพราหมณ์พาวรี

ซึ่งเมื่อพราหมณ์พาวรี ได้ฟังคำตอบแล้วก็สามารถเข้าใจได้และสามารถบรรลุเป็นพระอนาคามี  อย่างไรก็ตามทางด้าน  ปิงคิยมาณพ ได้มีการศึกษาเกี่ยวกับพระธรรมเพิ่มมากขึ้น และได้มีการไปเฝ้าพระพุทธเจ้าเพื่อฟังธรรมเทศนาจนในที่สุดก็สามารถบรรลุเป็นพระอรหันต์ได้ 

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย    ufabet ฝากเงิน ออโต้

ตำนานแม่นากพระขโนงคือผีเฮี้ยนเป็นเรื่องจริงหรือไม่?

ตำนานแม่นากพระขโนง ซึ่งตามข้อมูลนี้เขาก็ได้ลงข้อมูลเอาไว้ว่าในความโชคร้ายตรงนี้มันได้มาเกิดกับแม่นาคเสียด้วยโดยความโชคร้ายตรงนี้นั่นก็คือลูกในท้องของแม่นาคไม่ได้คลอดออกมาและเสียชีวิตในท้องของแม่นาคและแม่นาคก็ได้เสียชีวิตไปพร้อมกับลูกของเขาด้วยเนื่องจากลูกของเขานั้นไม่ได้กลับหัวออกมา

เพื่อที่จะคลอดแต่หัวกับอยู่ตรงข้ามกับส่วนเท้ามันเลยทำให้เกิดเหตุการณ์คลอดยากและสุดท้ายร่างกายของแม่นาคก็ไม่สามารถที่จะทนแรงเจ็บปวดนั้นได้ทำให้เสียชีวิตไปทั้งแม่และลูกหรือจะเรียกสั้นๆว่าตายทั้งกลมนั่นเอง

โดยหลังจากที่แม่นาคได้เสียชีวิตไปหมอตำแยก็ได้ลงมาแจ้งข่าวกับชาวบ้านว่าแม่นาคเขาได้เสียชีวิตลงไปแล้วและได้เป็นการเสียชีวิตตายทั้งกลมหรือว่าลูกเสียชีวิตในท้องแบะแม่ก็เสียชีวิตไปด้วย

ดังนั้นหลังจากที่ได้แจ้งชาวบ้านไปนั้นชาวบ้านก็ตกใจแล้วก็มีความหวาดกลัวอยู่พอสมควรเลยเนื่องจากว่าคนสมัยก่อนได้มีความเชื่อเกี่ยวกับเรื่องของการตายทั้งกลมค่อนข้างที่จะน่ากลัวมานั่นก็คือถ้าหากว่าตายทั้งกลมและวิญญาณของผู้ที่เสียชีวิตนั้นไม่ได้สงบลงวิญญาณของผู้เสียชีวิตก็อาจจะวนเวียนและตามมาหลอกหลอนคนที่อยู่บริเวณก็ได้

เนื่องจากว่าตามความเชื่อก็คือวิญญาณที่ตายทั้งกลมเขาจะมีพลังมากว่าวิญญาณทั่วไปหลายเท่ามากแน่นอนแล้วว่าหลังจากที่ชาวบ้านได้ยินแบบนั้นเขาก็รีบนำเอาศพของแม่นาคไปที่ วัดมหาบุศย์ และได้นำเอาศพของแม่นาคนั้นไปฝังเอาไว้ที่วัดนั่นพร้อมกับให้พระอาจารย์ที่อยู่วัดนั้นพรมน้ำมนต์และอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้วิญญาณสงบสุกข์นั่นเอง

ซึ่งหลังจากที่ได้จบพิธีนี้ไปเหตุการณ์ต่างๆหรือทุกสิ่งทุกอย่างมันก็ดูเหมือนว่ามันจะกลับมาดูเหมือนเป็นปกติแต่มันกลับไม่เป็นอย่างนั้นสิเนื่องจากว่าได้มีใครหลายๆคนขับเรือผ่านบ้านของแม่นาคและได้เห็นแม่นาคยืนอยู่บนสะพานริมน้ำพร้อมกับส่งเสียงร้องโหยหวนเบาๆว่าพี่มากจ๋าพี่มากอยู่ไหนมีใครเห็นพี่มากไหมช่วยตามพี่มากกลับมาให้ฉันที

นอกจากนี้ชาวบ้านที่ได้ขับเรือผ่านไปผ่านมาและได้เห็นแม่นาคในตอนนั้นปรากฏว่าในสภาพที่ได้เห็นในตอนนั้นก็คือเนื้อตัวของแม่นาคเหี่ยวเฉาเนื้อติดกระดูกและน่าตายังเน่าเหมือนกับศพเลยและหลังจากที่หลายๆคนได้เห็นสภาพนั้นของแม่นาคบางคนก็กระโดนลงเรือหนีไปเลยบางคนก็รีบพ่ายเรือหนีไปบางคนไม่กลัวและได้ท่าทายแม่นาคก็มีเช่นกัน

 

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย    ทดลองเล่นสล็อต gclub