grandprixactual (1)
Search
Close this search box.

Author's posts

เรื่องเล่าสัตว์ในตำนาน  Sphinx 

  ตำนาน  Sphinx   เชื่อว่าหลายคนคงเคยได้ยินชื่อเสียงของสัตว์ในตำนานกันมาบ้างเลยสัตว์ในตำนานที่เราจะมาพูดถึงกันในครั้งนี้นั้นก็คือตัวSphinx นั่นเองซึ่งสัตว์ชนิดนี้นั้นว่ากันว่ามีรูปแบบของการผสมผสานกันมากมายของสัตว์หลายชนิด 

และSphinx ก็มีรูปร่างหน้าตามากมายหลายแบบขึ้นอยู่กับว่าแต่ละสถานที่มีเอกลักษณ์ลักษณะเป็นแบบไหนหรือมีวัฒนธรรมเป็นแบบไหนอย่างไรก็ตามสิ่งที่พบเห็นได้เหมือนกันก็คือตัวสฟิงซ์นั้นจะมีลักษณะเป็นสัตว์ 4 ขา 

      สำหรับรูปร่างของสปริงส่วนใหญ่ที่เราพบเห็นในปัจจุบันไม่ว่าจะเป็นพวกรูปปั้นหรือรูปวาดก็ตามแต่นั้นจะเห็นได้ว่าตัวสฟิงซ์ที่ถูกนำมาเปิดเผยอยู่ในขณะนี้จะมีลักษณะคล้ายกับตัวสฟิงซ์กำลังนอนอยู่หรือไม่ก็กำลังนั่งอยู่นั่นเองซึ่งแน่นอนว่าในแต่ละวัฒนธรรมในแต่ละประเทศนั้นก็จะมีความเชื่อเกี่ยวกับสฟิงซ์แตกต่างกันออกไป

     ยกตัวอย่างเช่นความเชื่อเกี่ยวกับสฟิงซ์ของประเทศอียิปต์นั้นว่ากันว่าสัตว์ชนิดนี้มีลักษณะที่โดดเด่นเป็นอย่างมากเนื่องจากว่าส่วนหัวของตัวสฟิงซ์นั้นจะมีลักษณะคล้ายกับมนุษย์ในขณะที่ลำตัวนั้นมีลักษณะคล้ายกับสิงโตและที่สำคัญใบหน้าของสฟิงซ์นั้นจะมีลักษณะเหมือนกับฟาโรห์ซึ่งเรามักจะเห็นได้ตามปิรามิดหรือรูปภาพของสฟิงซ์ที่มีการเผยแพร่กันในปัจจุบัน

       โดยลักษณะของตัวสฟิงซ์นั้นใบหน้าของมนุษย์ที่เราเชื่อกันว่าเป็นใบหน้าของฟาโรห์นั้นจะมีลักษณะของมีเคราและมีคางที่สำคัญตรงบริเวณกลางหน้าผากของสฟิงซ์นั้นจะมีงูจงอางแผ่แม่เบี้ยอยู่

และตัวสฟิงซ์นั้นก็จะมีการประดับประดาด้วยเครื่องเพชรนิลจินดามากมายเต็มไปหมดเรียกได้ว่าเป็นการประดับประดาเหมือนกับการแต่งองค์ทรงเครื่องให้กับกษัตริย์ในสมัยโบราณนั่นเอง 

     บางตำรามีการกล่าวว่าสิ่งนั้นก็คือเทพแห่งรุ่งอรุณหรือเทพฮามาซิส  แปลงร่างลงมาโดยเทพแห่งนี้นั้นมีชื่อเสียงโด่งดังเป็นอย่างมาก ในปัจจุบันเรามักจะพบเห็นได้ตามสถานที่ที่เป็นมหาพีระมิด และสำหรับ Sphinx  ที่คนรู้จักกันอย่างกว้างขวางหรือรู้จักกันมากที่สุดในโลกในตอนนี้ก็คือสิ่งที่อยู่ตรงบริเวณมหาพีระมิดคาเฟ่ซึ่งมีชื่อเรียกว่ามหาสฟิงซ์แห่งกิซ่านั่นเอง 

    อย่างไรก็ตามรูปแบบของสฟิงซ์นั้นไม่ได้มีเป็นแบบของเพศชายอย่างเดียวเท่านั้นซึ่งในปัจจุบันนั้นเราสามารถเห็นสฟิงซ์ในรูปแบบของผู้หญิงได้ด้วยโดยลักษณะเฟืองในรูปแบบของผู้หญิงนั้นมักจะอยู่ในรูปแบบของวัฒนธรรมของชาวกรีกซึ่งจะมีลักษณะที่เป็นตัวเป็นสิงโตแล้วมีปีกแต่มีใบหน้าและทรงอกเหมือนผู้หญิงซึ่งปีกที่แสดงให้เห็นนั้นจะเป็นปีกของนกอินทรีย์

     อย่างไรก็ตามเรื่องจริงผู้หญิงนั้นว่ากันว่ามีนิสัยดุร้ายและน่ากลัวเป็นอย่างมากและชื่นชอบการกินมนุษย์ โดยมีชื่อเรียกว่า เอดิปุส  มักจะกระโดดออกมาจากพุ่มไม้เพื่อมาหาเหยื่อแต่จะไม่เข้ากินเหยื่อในทันทีแต่จะต้องโดนการถามคำถามจากนางและสัญญาที่จะปล่อยให้เป็นอิสระหากตอบคำถามของนางได้

ซึ่ง   เอดิปุส เป็นมนุษย์ที่ตอบคำถามของนางได้ซึ่งนางก็ไม่เคยได้ยินคำตอบนี้จากมนุษย์คนไหนเลยจึงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดพร้อมกับบินขึ้นไปบนฟ้าก่อนจะทิ้งตัวดิ่งลงเพื่อฆ่าตัวตายในทะเล 

 

 

สนับสนุนโดย.  ufabet เว็บแม่

สิ่งของที่เป็นมงคลของจีน ในเทศกาลตรุษจีน 

  

  สีแดงสี

     สิ่งของที่เป็นมงคลของจีน   สำหรับประเทศจีนหรือในช่วงเทศกาลวันตรุษจีนนั้นสีแดงคือสีแห่งมหามงคลสีแดงนั้นอยู่ในวัฒนธรรมของชาวจีนมายาวนานเป็นสีแห่งสิริมงคลอย่างแท้จริงเพื่อเป็นการพิสูจน์ความจริงในข้อนี้  UFABET เว็บหลัก   มาดูกันครับว่าชาวจีนใช้สีแดงทำอะไรกันบ้างไม่ว่าจะเป็นกระดานหุ้นก็ใช้สีแดงเป็นสัญลักษณ์ในการบอกว่าหุ้นขึ้นและใช้สีเขียวในการบอกว่าหุ้นตก

อย่างเช่นคำกล่าวภาษาจีนว่า ไท่หงผันแปลว่าเปิดกระดานแดงที่หมายถึงหุ้นดีดตัวสูงขึ้นตั้งแต่เปิดตลาด หรือคำว่า หง- เหริน ที่แปลว่าคนแดงก็ถูกนำมาใช้กับคำว่าคนดัง หรือคำว่า หง- อวิ้น  ที่ถ้าแปลตรงตรงก็แปลว่าโชค

        สีแดงนั้นก็ถูกนำมาใช้เรียกแทนคำว่าดวงดีหรือไม่แต่คำว่ารายชื่อเกียรติยศก็คือคำว่าคงต่างกันเองหรือไม่ว่าจะเป็นวัดวาอารามพระราชวังพระตำหนักหรือสิ่งปลูกสร้างสมัยก่อนของชาวจีนวัสดุส่วนใหญ่องค์ประกอบก็มักจะเลือกใช้สีแดงนอกจากนี้ที่ได้ยังถูกใช้ในพิธีมงคลต่างๆไม่ว่าจะเป็นงานแต่งงานการเปิดร้านใหม่ขึ้นบ้านใหม่

หรือวันขึ้นปีใหม่อย่างวันตรุษจีนเป็นต้นจึงถือได้ว่าสีแดงนั้นขึ้นสีที่มีพลังอำนาจที่ให้แสงสว่างขับไล่สิ่งอัปมงคลภูตผีปีศาจทั้งยังเป็นสัญลักษณ์ของธาตุไฟในเบญจธาตุของจีนและธาตุไฟในแผนภูมิผู้ป่วยที่หมายถึงแสงสว่างความอบอุ่นพละกำลังและความรุ่งโรจน์อีกด้วย

    เลข 8

        เลขแห่งความร่ำรวยเลข 8 ตามความเชื่อของชาวจีนมีความหมายถึงความร่ำรวยมั่งคั่งทวีคูณก็มีลักษณะเป็นวงกลม 2 อันซ้อนกันเหมือนการทำซ้ำหรือ Double ในขณะที่หากคลิกหมุนเลข 8 ในอีกมุมเลขนี้เป็นสัญลักษณ์อินฟินิตี้ซึ่งแปลว่าไม่มีที่สิ้นสุดด้วยเหตุนี้จึงจะอยู่บนเครื่องรางนำโชคมากมายชาวจีนเชื่อว่าการเก็บสิ่งของที่มีเลข 8 ไว้ในบ้านจะนำมา

ซึ่งโชคลาภและช่วยปัดเป่าวิญญาณชั่วร้ายได้หรือไม่จีนการมีห้องชุดบนชั้น 8 ถือว่าเป็นเรื่องที่มงคลอย่างยิ่งก็หมายถึงมีสวรรค์แต่ชั้นหรือความสำเร็จ 8 ชั้น

        ในประเทศจีน สิงคโปร์และไต้หวัน หากมีลูกที่เกิดในวันที่ 8 ของเดือนไม่มาเขาจะเป็นลำดับที่เท่าไหร่ของครอบครัว ก็จะถูกเรียกว่าลูก 8 หรือลูกชายแตก เพราะเป็นความภูมิใจและเป็นสิริมงคลวันที่ 8 เดือน 8 ปี 2008 ปีที่จีนเป็นเจ้าภาพโอลิมปิกซึ่งมีพิธีเปิดในเวลา 8 นาที 8 วินาทีห ลังจากเวลา 20:30 เข็มนาฬิกาของเวลา 20:00 น

ก็ชี้ไปที่เลข 8 หลังจากนั้นก็มีหนุ่มสาวจองคิวแต่งงานกันในวันนี้ด้วยความเชื่อในเลข 8 อันทรงพลังและไม่เชื่อก็ต้องเชื่อนะครับว่าประเทศที่ส่วนใหญ่มีชาวจีนอาศัยอยู่และใช้ภาษาจีนว่าจะเป็นจีนไต้หวันฮ่องกงมาเก๊านั้นก็เป็นพื้นที่ที่ใช้เขตเวลา GMT +8 เหมือนกันอีด้วย 

Andy Warhol – Silver car crash ( Double disaster ) 

 

       ภาพขาวดำภาพนี้เป็นรูปถ่ายอย่างเห็นได้ชัดแต่มันก็ดูเหมือนเป็นเพียงการนำภาพถ่ายอุบัติเหตุรถยนต์ในแต่ละช็อตเมื่อวางเรียงกันอย่างไม่เป็นระเบียบเท่านั้นเองทำไม andy warhol จึงนำภาพอุบัติเหตุมาประดิษฐ์เป็นงานศิลปะแถมยังได้รับความนิยมอย่างมากอีกด้วยทั้งๆที่มันดูโหดร้าย

ส่วนด้านขวาหรือพื้นที่เกิดขึ้นนั้นมีเพียงสีขาวที่ว่างเปล่าอาจทำให้เราฉุกคิดสงสัยว่า Andy Warhol มีแนวคิดอะไรกันนะAndy Warhol จึงได้วางองค์ประกอบภาพแบบนี้เค้าเป็นคนอย่างไรกัน  

  Andy Warhol  เจ้าของภาพ Silver car crash ( Double disaster ) เป็นศิลปินชาวอเมริกันที่โด่งดังมากแต่เขามักจะเก็บตัวอยู่แต่ในโรงรถของเขาและชอบปฏิเสธการให้สัมภาษณ์สื่อเกี่ยวกับภาพที่ตนเองทำขึ้นมาเลยบอกกับสื่อว่าก็นั่นไงมันอยู่ตรงนั้นแล้วก็ไม่จำเป็นต้องตอบอะไรเพิ่มเติมอีกฝั่งดูแล้วเขาอาจจะมั่นใจในผลงานของตัวเองเอามากจะด้วย

      หากคุณอยากรู้ว่าเขาโด่งดังแค่ไหนขอให้คุณดูภาพต่อไปนี้ภาพเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นผลงานของเขาทั้งสิ้นแน่นอนว่าคุณจะต้องเคยเห็นภาพอันโด่งดังเหล่านี้ที่ไหนสักที่อย่าง ร้านอาหารหรือห้างสรรพสินค้าเราเรียกภาพเหล่านี้ของเขาว่าป๊อปอาร์ตที่แสดงให้เห็นถึงความเจริญก้าวหน้าของอุตสาหกรรมทุกรูปแบบในสมัยนั้นภาพเหล่านี้จะมีความสุขชาติและออกแนวล้อเลียนมันสามารถทำให้ผู้ชมเกิดความรู้สึกขึ้นมาได้อย่างฉับพลันที่มองภาพ

       Andy Warhol ใช้แนวคิดนี้ประกอบกับเทคนิคการพิมพ์สกรีนสีลงบนผ้าในหลายภาพ  ซึ่งมันทำให้เราเห็นได้ว่าเป็นภาพเดียวกันที่พิมพ์ซ้ำๆแต่ใช้สีที่แตกต่างกันในแต่ละภาพที่เขา แบบนี้ออกมาแล้วเขามีความคิดว่าเขาอยากจะเป็นเหมือนกับเครื่องจักรที่สามารถสร้างผลงานได้มากมายในเวลาอันรวดเร็วอีกทั้งผลงานที่ออกมานั้นยังไม่แสดงถึงตัวตนและอารมณ์ของภาพอีกด้วย

        สำหรับยุคสมัยนั้นการสร้างงานศิลปะด้วยการสกรีนผ้าดูจะเป็นเรื่องที่แปลกใหม่มากและการที่เขาพิมพ์ซ้ำๆไปอย่างต่อเนื่องในภาพเดียวกันนั้นก็เป็นสิ่งที่ยากที่จะได้เห็นเรียกได้ว่าวิธีการและแนวคิดของเขามีความเป็นเอกลักษณ์มากและนั่นเองทำให้เขาประสบความสำเร็จอย่างสูงสื่อต่างๆให้ความสนใจเขามากทีเดียว 

         Andy Warhol มักจะวาดภาพสินค้าในห้างสรรพสินค้าดาราหรือคนดังที่ใครๆต่างก็รู้จักกันอยู่แล้วอีกครั้งก็ยังคอยติดตามข่าวสารอยู่ตลอดและสร้างผลงานที่กำลังเป็นกระแสหรือประเด็นอยู่ในตอนนั้นจึงนี่เองที่ทำให้เขาโด่งดังมากขึ้นไป

อีกก็เขารู้จักที่จะเล่นกับสื่อและใช้มันให้เป็นประโยชน์นั่นเองหนึ่งในซีรี่ส์ผลงานที่น่าสนใจและโด่งดังของเขาก็คือผลงานที่แสดงถึงความสูญเสียหายนะการฆ่าตัวตายหรืออุบัติเหตุอันน่าสลดใจผลงานรูปแบบนี้ถือเป็นการสะท้อนสังคมได้ดีมากในสังคมที่พัฒนาไปย่อมมีการสูญเสียเกิดขึ้นมากมายเช่นเดียวกับในรูปนี้นั่นเอง 

 

สนับสนุนโดย.  ufabet ทางเข้าเล่น

ข้อมูลเกี่ยวกับเจดีย์กระเบื้องเคลือบเมืองนานกิงและหอเอนเมืองปิซ่า 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคกลาง

        สำหรับเจดีย์กระเบื้องเคลือบเมืองนานกิงนั้นนับได้ว่าเป็นสิ่งที่น่าอัศจรรย์ใจของโลกยุคกลางเพียงแห่งเดียวที่ถูกทำลายไปจนหมดสิ้นแล้วโดยมีหลักฐานยืนยันเกี่ยวกับเรื่องของการถูกทำลายว่าเกิดในช่วงเหตุการณ์กบฏไท่ผิงในราวคริสต์ศตวรรษที่ 1907

ดีที่เราเห็นกันในปัจจุบันนั้นเป็นหอที่ถูกสร้างขึ้นใหม่แทนที่ของเดิมโดยถูกสร้างขึ้นมาในช่วงปีคริสตศักราช 2010

         สำหรับเจดีย์กระเบื้องเคลือบเมืองนานกิงนี้ถูกสร้างขึ้นเมื่อคริสต์ศตวรรษที่ 15 ในสมัยราชวงศ์หมิงลักษณะของตัวเจดีย์นั้นจะเป็นเจดีย์ทรงแปดเหลี่ยมมีทั้งหมด 9 ชั้นด้วยกัน

โดยเจดีย์ทั้งเก้าชั้นนี้นับรวมความสูงรวมกันแล้วจะสูงอยู่ที่ประมาณ 79 เมตรซึ่งตัวเจดีย์นั้นจะถูกสร้างด้วยอิฐและกระเบื้องเคลือบชายคาของเจดีย์นั้นจะมีการแขวนกระดิ่งเล็กๆเอาไว้โดยรอบของตัวเจดีย์ซึ่งถ้าหากนับจำนวนกระดิ่งแล้วก็มีทั้งหมด 80 ลูกด้วยกัน  

         สำหรับเจดีย์กระเบื้องเคลือบนี้มีความงดงามเป็นอย่างมากตัวองค์เจดีย์นั้นก่ออิฐประดับด้วยกระเบื้องเคลือบยอดแหลมเป็นทรงกลมต่อขึ้นไปเคลือบทอง

  

         หอเอนเมืองปิซ่า   

          สำหรับ หอเอนเมืองปิซ่า    สถานที่แห่งนี้นั้นปัจจุบันคือสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากโดยสถานที่แห่งนี้ถูกสร้างขึ้นบริเวณจัตุรัสดูโอโมแห่งปิซาแห่งนี้สร้างด้วยหินอ่อนซึ่งมีความสูงทั้งหมด 8 ชั้นด้วยกันโดยน้ำหนักของหอเอนเมืองปิซานี้มีน้ำหนักรวมกันแล้วประมาณ 1,500 ตันเลยทีเดียว

ว่ากันว่าหอเอนนี้ถูกสร้างขึ้นเมื่อปีค.ศ 1173 ซึ่งตามความต้องการในการก่อสร้างหอเอนนี้ในครั้งแรกไม่ได้มีการสร้างเพื่อให้มีการเอนเอียงเหมือนกับในปัจจุบันที่เราเห็นกันอยู่ 

      ตอนที่ก่อสร้างนั้น ต้องการสร้างให้เป็นหอที่มีความสูงเอาไว้ใช้สอยแต่เมื่อมีการก่อสร้างถึงชั้นที่ 3 เท่านั้นปรากฏว่าหอนี้มีการเอียงเพราะว่าฐานใดฐานด้านหนึ่งนั้นมีการยึดตัวจึงทำให้หอมเพียงและสถาปนิกก็พยายามที่จะมีการสร้างต่อไปโดยพยายามสร้างให้หอเอนกับไปอีกด้านหนึ่งเพื่อเป็นการถ่วงสมดุลกันอย่างไรก็ตามในขณะที่มีการก่อสร้างอยู่นั้นก็เกิดมีสงครามเกิดขึ้นทำให้ก่อสร้างนั้นต้องหยุดชะงักลงไป

           จนเมื่อสงครามสิ้นสุดลงจึงได้มีการกลับมาสร้างใหม่อีกครั้งหนึ่งทำให้ระยะเวลาการสอนสร้างนั้นเป็นค่อนข้างนานโดยรวมแล้วของเอ็งเมืองปิซานี้สร้างเสร็จเมื่อประมาณปีค.ศ 1372 ซึ่งถ้านับระยะเวลารวมในการก่อสร้างทั้งหมดนั้นจะเห็นได้ว่าใช้ระยะเวลาในการก่อสร้างนานถึง 177 ปีเลยทีเดียว โดยมีการนับรวมส่วนของการสร้างหอระฆังเข้าไปด้วย 

 

สนับสนุนโดย.  สล็อต ufabet เว็บตรง

สิ่งลึกลับ ตํานานอาถรรพณ์ของอียิปต์โบราณ

อารยธรรมอียิปต์โบราณ เป็นหนึ่งในอารยธรรมซึ่งมีความโบราณเก่แก่มาก ตํานานอาถรรพณ์ของอียิปต์ และเยอะมากที่สุดอารยธรรมหนึ่งที่อยู่บนโลกเลย และยังเป็นอารยธรรมที่เกิดเรื่องราวต่างๆเกิดมากมาย แถมยังเป็นที่ตั้งของสิ่งก่อสร้างอย่าง “พีระมิด”

ซึ่งเป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกแล้วก็การพัฒนาทางด้านการแพทย์อย่างแนวทางการทำ “มัมมี่” อีกด้วย รวมทั้งเว้นเสียแต่ความใหญ่โตตระการตาที่อุดมไปด้วยความเป็นมาอันล้ำค่าต่างๆจำนวนมากแล้วนั้น อารยธรรมอียิปต์โบราณ ก็ยังจะมีเรื่องราวที่ลึกลับๆที่น่าสนใจที่บางบุคคลบางทีอาจจะยังไม่เคยทราบมาก่อนเลยก็ได้

  1. พระนางคลีโอพัตรา กับรูปโฉมที่แท้จริง

พระนางคลีโอพัตรา (Cleopatra VII) ถือว่าเป็นผู้ดูแลอียิปต์โบราณที่เป็นที่รู้จักสูงที่สุด ซึ่งในความคิดของคนสามัญ เธอเป็นราชินีผู้ทรงเสน่ห์ที่สุด มีรูปโฉมโนมพรรณที่สวย พรั่งพร้อมไปด้วยชั้นเชิงในเชิงพิศวาส สามารถผูกหัวใจชายได้อย่างอยู่มือ

แต่ว่าตามที่เป็นจริงแล้ว ความสวยงามของพระนางคลีโอพัตรามิได้อยู่ที่เนื้อหนังหรือความสวยงามที่บริเวณใบหน้าแล้วก็เรือนกายเลย แต่ว่าอยู่ที่ปัญญารวมทั้งความฉลาดหลักแหลมรู้ทันคนต่างหาก

ซึ่งได้มีหลักฐานชิ้นหนึ่งที่บอกถึงเรื่องจริงประเด็นนี้ ก็คือการศึกษาและทำการค้นพบรูปปั้นชิ้นส่วนพรเศียรของพระนางรวมทั้งเหรียญที่มีภาพหน้าของพระนาง ซึ่งได้เป็นศึกษาและทำการค้นพบของนักโบราณคดีคนหนึ่ง

  1. ความเชื่อเกี่ยวกับความตาย

ชาวอียิปต์โบราณมีความเชื่อที่ว่า เมื่อได้มีคนเสียชีวิต วิญญาณออกจากร่างไปเพียงแค่ชั่วครั้งคราว เพื่อเดินทางไปเจอกับพระผู้เป็นเจ้าในภพหน้า แล้วจะกลับมาในวันข้างหน้า ทั้งนี้ เมื่อวิญญาณกลับมาแล้วหลังจากนั้นก็จะต้องมีร่างกายอยู่

แล้วก็ร่างที่จะอาศัยอยู่ได้ควรจะเป็นร่างกายของตัวเองแค่นั้น รวมทั้งด้วยความเชื่อถือนี้เองก็เลยกระตุ้นให้เกิดแนวทางการดูแลศพ หรือที่พวกเรารู้จักกันอย่างดีกับกระบวนการทำ “มัมมี่” (Mummy) เพื่อภาวะศพยังอยู่ในภาวะที่ดี ไม่เปื่อยยุ่ยนั่นเอง

  1. การปรากฏตัวของเอเลี่ยน

ในทุกวันนี้กระแส “เอเลี่ยน” หรือมนุษย์ดาวอื่น ก็ยังคงมีให้เห็นอยู่โดยตลอด แม้กระนั้นเราทราบหรือเปล่าว่า การปรากฎตัวของเอเลี่ยนมีให้ดูมาแล้วตั้งแต่ยุคอียิปต์โบราณเลย สิ่งหนึ่งที่การันตีในหัวข้อนี้ ก็มาจากภาพบนฝาด้านในสุสานในเมืองกิซ่า โดยหนึ่งในรูปภาพบนผนังนั้นมีการวาดรูปของเอเลี่ยนผสมปนเปอยู่ด้วย

แต่ว่าอย่างไรก็ตาม ก็จำเป็นต้องใช้วิจารณญาณสำหรับในการตัดสินใจด้วย เพราะว่าครั้งคราวภาพๆนี้ บางทีก็อาจจะเป็นเพียงแต่รูปของข้าวของอื่นๆที่มีความคล้ายกับเอเลี่ยนเพียงแค่นั้น

 

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย.  ทางเข้า UFABET ภาษาไทย

สหรัฐเผย จีน ซุ่มเพิ่มคลังแสงอาวุธนิวเคลียร์1,000หัว

ซึ่งในตอนนี้มีข่าวออกมาเกี่ยวกับเรื่องของการสะสมอาวุธนิวเคลียร์ของประเทศจีนที่อาจจะมากกว่าที่หลายๆ สหรัฐเผย จีน ซุ่มเพิ่ม ฝ่ายคาดการณ์เอาไว้คือมากว่าถึง4เท่าในระยะเวลาอันใกล้นี้ นอกจากนั้นทางการจีนเตรียมที่จะสร้างคลังเก็บอาวุธไว้ใต้ดินอีกหลายร้อยแห่ง

ตรงนี้เพื่อเป็นการเสริมสร้างเขี้ยวเล็บเอาไว้ต่อตอกกับสหรัฐโดยตรงถ้าหากว่าเกิดสงครามขึ้นมาแน่นอนว่าทางสหรัฐเองได้มีการเตรียมแผนการเรื่องของอาวุธยุทโธปกรณ์อยู่เป็นระยะอยู่แล้วก่อนหน้านี้เพิ่งจะออกมาประกาศว่าสหรัฐเป็นชาติที่มีทั้งกำลังทหารมีทั้งอาวุธยุทโธปกรณ์มากที่สุดเป็นประวัติศาสตร์ของโลกเลยก็ว่าได้

ล่าสุดสหรัฐได้ทำการซุ่มทดสอบการทิ้งระเบิดเป็นระเบิดแบบ “เทอร์โมนิวเคลียร์ “ จากการโจมตีด้วยเครื่องบินขับไล่ร่องหนด้วยมีชื่อว่า F35A การทดสอบล่าสุดนี้ทางฝั่งของสหรัฐกันก่อนโดยกองทัพอากาศสหรัฐได้เริ่มต้นทดสอบค้นสุดท้ายสำหรับการโจมตี

โดยเครื่องบินขับไล่ร่องหน F35A ด้วยการทิ้งระเบิด “เทอร์โมนิวเคลียร์ “ หรือว่าระเบิดแรงโน้มถ่วงB6 11 12 หรือแบบไม่ได้ติดหัวรบเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมาจากการทดสอบพบว่าพลาดเป้าไปเพียง30เมตรเท่านั้น เพราะฉะนั้นจึงถือว่ามีประสิทธิภาพดีในการยิงไปยันเป้าหมาย

เนื่องจากนี้ระเบิดแรงโน้มถ่วง B6 11 12 นี้ถือว่าเป็นระเบิดรุ่นใหม่ล่าสุดที่พัฒนาต่อยอดมาจากระเบิดแรงโน้มถ่วง B6 11 ซึ่งเป็นอาวุธ “เทอร์โมนิวเคลียร์ “ ขั้นต้นแล้วก็ถูกเก็บไว้ในคลังของสหรัฐตั้งแต่สิ้นสุดยุคสงครามเย็นเพราะฉะนั้นการทดสอบเที่ยวล่าสุด

ถือว่าเป็นความสำเร็จแล้วก็เป็นก้าวที่สำคัญในการรับรองการใช้งานอาวุธนิวเคลียร์ที่จะถูกนำไปใช้ติดตั้งบนเครื่องบินขับไล่ร่องหนรุ่นล่าสุดF35Aในอนาคตอันใกล้นี้

นอกจากนี้มีรายงานใหม่ของเพนตากอนหรือว่ากระทรวงกลาโหมของสหรัฐออกมาด้วยในรายงานฉบับนี้ระบุว่าจีนกำลังขยายคลังแสงอาวุธนิวเคลียร์อย่างรวดเร็วมากกว่าที่สหรัฐได้คาดการณ์เอาไว้เมื่อหนึ่งปีก่อนโดยคาดการณ์ว่าจำนวนหัวรบนิวเคลียร์ของจีนจะเพิ่มมากขึ้นถึง 700 หัวรบใน 6 ปีข้างหน้านี้แล้วก็อาจจะเพิ่มทะลุถึง 1,000 หัวรบภายในปี 2030 

ซึ่งก็นับว่าเป็นการเพิ่มขึ้นมากกว่า4เท่าจากที่เพนตากกอนเคยประเมินเอาไว้เพียงเมื่อ1ปีก่อนทว่า จีน มีหัวรบนิวเคลียร์ในระดับต่ำประมาณสัก200หัวรบเท่านั้นแล้วก็จะเพิ่มขึ้นเป็น2เท่าภายในสิ้นทศวรรษนี้

นอกจากนี้ก็ยังมีการยืนยันด้วยว่าจีนได้เริ่มการก่อสร้างลาดเก็บขีปนาวุธใต้ดินแห่งใหม่อย่างน้อยๆสร้างถึง3แห่งด้วยกันแล้วได้สร้างไซโลใต้ดินนับร้อยๆแห่งด้วยเพื่อเก็บขีปนาวุธข้ามประเทศICBMและจะสามารถยิงICBMออกไปจากไซโลที่อยู่ใต้ดินเหล่านี้ได้โดยตรงด้วย

ทางเพนตากอนนั้นเชื่อว่าจีนนั้นมีจุดประสงค์ให้กองทัพจีนสามารถที่จะสู้รบและเอาชนะในสงครามเหนือศัตรูที่เข้มแข็งแน่นอนหมายถึงสหรัฐนั่นเอง

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย.    gclub slot ทดลองเล่น

เครื่องบินทำไมต้องทิ้งถังน้ำมันกลางอากาศ

ทิ้งถังน้ำมันกลางอากาศ ซึ่งวันนี้เรามีเรื่องราวความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับเครื่องบินรบมาฝากทุกท่านกันถ้าหากว่าทุกคนเคยเห็นเครื่องบินรบกันเราจะเห็นว่าตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 หลายลำมันจะมีถังที่มันเป็นรูปทรงกระบอกติดอยู่ใต้ท้องเครื่องบิน 

โดยมันมีรูปร่างเหมือนกับระเบิดมากๆเลย ซึ่งหลายคนอาจจะคิดว่ามันเป็นระเบิดแต่ว่ามันไม่ใช่ เจ้าถังแบบนี้มันคือถังน้ำมันยกตัวอย่างเช่นเครื่องบินF16 เราจะเห็นว่าเครื่องบิน F16 ลำนี้มีถังน้ำมันอยู่ข้างใต้ปีกจำนวน2อัน และ ถ้าเกิดว่าใครได้ดูหนังหรือสาระคดีเกี่ยวกับเครื่องบินรบพวกนี้เราจะเห็นว่าเขามีการปลดถังน้ำมันนี้ออกกลางอากาศทันที

ดังนั้นเขาปลดเพื่ออะไรกันเดี๋ยววันนี้เราจะมีคำตอบมาเล่าให้คุณได้อ่านกันหากพร้อมแล้วก็ไปชมกันได้เลย การปลดถังน้ำมันของเครื่องบินรบมันเกิดขึ้นเมื่อเครื่องบินลำนั้นต้องเข้าสู่การต่อสู้ ซึ่งหลายคนก็อาจจะเดากันได้ว่าที่ปลดออกมา

เพื่ออะไรกัน ก็เพื่อป้องกันในการโจมตีจากศัตรูแต่ว่ามันยังได้มีเหตุผลอื่นอีก ก่อนอื่นต้องย้อนกลับไปในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ก่อนเลยว่าจริงๆแล้วในตอนแรกถังน้ำมันมันถูกติดเสริมมาในเครื่องบินรบเพื่ออะไรกัน

เพราะว่าในยุคก่อนเครื่องบินรบมันไม่ได้มีประสิทธิภาพเหมือนกับในยุคนี้ประกอบกับถังน้ำมันภายในตัวเครื่องบินมันก็เล็กทำให้ระยะทางในการปฏิบัติการค่อนข้างที่จะสั้นกองทัพหลายประเทศจึงได้มีการสร้างถังน้ำมันติดอยู่นอกเครื่องเพื่อที่จะเพิ่มระยะปฏิบัติการของเครื่องบินดังกล่าว

แต่พอติดมาแล้วถึงระยะการบินมันเพิ่มขึ้นก็จริงแต่มันกลับได้สร้างข้อเสียงอย่างใหญ่หลวงงอย่างต่อสู้กันบนอากาศเพราะอย่างที่หลายคนน่าจะเดาได้ว่าถังน้ำมันนี้มันจะกลายมาเป็นจุดอ่อน ถ้าเกิดโดนโจมตีตรงจุดนั้นมันอาจจะทำให้เครื่องบินนั้นติดไฟและระเบิดกลางอากาศได้เลย

ซึ่งนี่ก็จะเป็นข้อเสียอย่างใหญ่หลวงที่จะต้องแลกกันไปแต่ถ้ามาเป็นในยุคสมัยนี้เรื่องเชื้อเพลิงก็ยังคงเป็นปัญหาสำหรับเครื่องบินรบอยู่นอกจากนี้เขายังได้เพิ่มกลไกลอย่างหนึ่งขึ้นมาเป็นกลไกลปลดถังน้ำมันออกกลางอากาศหากต้องเข้าสู่สมรภูมิหรือการต่อสู้ขึ้นมา

เนื่องจากว่าเหตุผลเดียวกับสงครามโลกครั้งที่1ถ้าเกิดว่าถูกโจมตีที่ถังน้ำมันเครื่องบินอาจจะไฟรุกแล้วระเบิดได้เพราะจริงๆแล้วเครื่องบินสมัยใหม่มันไม่ได้เบาะบางขนาดนั้นเรียกได้ว่าเกราะมันไม่ได้หนา แต่ถ้าเกิดโดนโจมตีด้วยกระสุนโพรเจกไทล์ไม่ใช่พวกจรวดนำวิถีหรือขีปนาวุธอย่างนี้มันยังสามารถรับการโจมตีและบินต่อไปได้มันไม่ได้ร่วงทันทีถ้าไม่ได้หนักมาก

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย.    Ufabet เข้าสู่ระบบ

ตำนานสะพานขาว ม.ขอนแก่น

ตำนานสะพานขาว ในส่วนของเรื่องราวนี้เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งตำนานที่อยู่คู่กับมหาวิทยาลัยนี้มานานมากเกี่ยวกับะพานขาวที่มหาวิทยาลัยขอนแก่น 

สำหรับเรื่องราวนี้จะต้องใช้การวิเคราะห์ในการอ่านให้ดีๆเพราะว่าเรื่องราวที่เกี่ยวกับตำนานสะพานขาวนั้นได้ถูกพูดถึงไปต่างๆนานามากๆซึ่งเรื่องราวเรื่องนี้ได้ถูกพูดถึงมาตั้งแต่ในอดีตจนมาถึงปัจจุบันมันอาจจะมีความคลาดเคลื่อนหรือบางอย่างที่ขาดหายไป

ตำนานของสะพานขาวที่ขอนแก่นนี้เรียกได้ว่ามหาวิทยาลัยแห่งนี้เป็นมหาวิทยาลัยที่เก่าแก่มากที่สุดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือเลยก็ว่าได้จุดที่ตั้งของสะพานขาวจะตั้งอยู่ใจกลางมหาวิทยาลัยอยู่ใกล้ๆกับคณะเทคโนโลยีในปัจจุบันนี้

โดยในอดีตพื้นที่ของมหาวิทยาลัยขอนแก่นเคยเป็นพื้นที่ของคอมมิวนิสต์หลังจากนั้นก็เกิดการรบลาฆ่าฟันกันระหว่างคอมมิวนิสต์กับทหารตำรวจซึ่งทำให้ฝ่านคอมมิวนิสต์นั้นเสียชีวิตไปกันเป็นจำนวนมากจึงทำให้มีศพเป็นจำนวนเยอะแยะมากมายจึงไม่สามารถที่จะเผาได้

ดังนั้นว่ากันว่าได้มีการฝังศพเหล่านั้นเอาไว้ในที่ดินผืนนี้แหละและพื้นดินที่ว่านั้นก็เป็นที่ตั้งของสะพานขาวในปัจจุบันนี้หลังจากนั้นก็ได้มีการก่อตั้งเป็นมหาวิทยาลัยขึ้นมาและได้มีการทำถนนตัดผ่ากั้นตรงที่เป็นหลุมฝังศพพอหลังจากสร้างเสร็จหรือว่าในขณะที่กำลังก่อสร้างนั่นเองมันก็มัดจะมีอุบัติเหตุต่างๆเกิดขึ้นมาหลากหลายเลย

จนนำมาสู่เรื่องราวสยองขวัญที่ใช้ๆหลายคนต่างก็ได้พูดถึงกันเขาว่ากันว่าสาเหตุที่จำเป็นจะต้องสร้างสะพานนี้ขึ้นมาแทนที่ว่าจะทำเป็นถนนตัดผ่านเหมือนพื้นที่ในมหาลัยทั่วไปทำไมเขาถึงจะต้องสร้างสะพานขึ้นมาในจุดๆนี้นั่นก็เพราะว่าได้มีการเชิญซินแสชื่อดังมาทำพิธีเพื่อปัดเป่าสิ่งไม่ดีสิ่งที่ชั่วร้ายอะไรต่างๆนี้ออกไป

เมื่อมาถึงยังที่จุดนี้ซินแสได้บอกว่าพื้นที่ตรงนี้นั้นมันเป็นหลุมฝังศพเก่าให้ทำการสร้างสะพานขึ้นเพื่อเป็นการไม่ไปเหยียบหลุมศพเขาและไม่ให้เป็นการลบหลู่ดวงวิญญาณเหล่านั้นเลยจำเป็นที่จะต้องสร้างสะพานข้ามหลุมฝังศพพวกเขาไปหลังจากนั้น

เรื่องราวสยองขวัญที่เขาได้พูดถึงกันนั้นต้องย้อนกลับไปในสมัยที่มาวิทยาลัยยังเป็นป่าอยู่เลยตอนนั้นมีนักศึกษาที่มาเรียนตอนนั้นเรียกได้ว่าน้อยมากจริงๆและตอนนั้นก็ได้มีหนุ่มวิศวมีแฟนที่รักกันมากซึ่งเธอเป็นสาวคณะพยาบาลแฟนหนุ่มที่เรียนอยู่คณะวิศวได้ขับมอเตอร์ไซค์มารับแฟนที่หออยู่เป็นประจำและมักจะชอบใช้เส้นทางสะพานขาวนี้นั้นเป็นเส้นทางที่ใช้กลับหออยู่ทุกๆวัน

ซึ่งมีอยู่คืนนึงฝ่ายชายขับรถมารับแฟนที่หอพักตามปกติเลยและวันนี้ทั้งสองคนกำลังจะไปเที่ยวในตัวเมืองกันในระหว่างที่ขับผ่านสะพานขาวมีคนที่ดักรอที่จะปล้นและได้ทำการขึงลวดสลิงจึงทำให้ทั้งสองคนเสียชีวิตและดวงวิญญาณยังคงวนเวียนหลอกนักศึกษาคนทั่วไปที่ขับผ่านสะพานสขาว

 

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย.  ทางเข้า ยูฟ่าเบท มือถือ

ตำนานหญิงสไบแดงสนามบินสุวรรณภูมิ

สำหรับเรื่องราวอาถรรพ์ในที่ดินสุวรรณภูมิแห่งนี้ได้เริ่มมาตั้งแต่การก่อสร้างโดยได้มีข้อมูลการบันทึกในการลือถอนที่ดินเตรียมจะสร้างสนามบินสุวรรณภูมิได้มีการลือถอนวัด ตำนานหญิงสไบแดง

และศาลทิ้งไปเป็นจำนวนมากรวมไปถึงวัดอีกหนึ่งแห่งว่ากันว่าผู้ที่มีความเกี่ยวข้องในการลือศาลหรือว่าย้ายวัดก็โดนอาถรรพ์เล่นงานไม่ต่างกับคนงานที่มาสร้างสนาบินสุวรรณภูมิเลย

โดยจากคำบอกเล่าของผู้ใหญ่แดงได้เล่าว่าตามที่ตกลงลือถอนที่ดินจากทางการเป็นจำนวนเงิน 600,000 บาทต่อมาก็พบเจอแต่เรื่องร้ายๆเพราแค่ขนาดเตรียมยังไม่ได้ทำการลือถอนก็ได้รับข่าวร้ายลูกสาวของตนนั้นประสบอุบัติเหตุรถชนเสียชีวิตหลังจากนั้นยังไม่ทันข้ามวันเลยแม่ของผู้ใหญ่แดงก็มาเสียชีวิตตามไปอีก

ซึ่งตัวของผู้ใหญ่แดงเล่าให้ฟังว่าพื้นที่ดินทั้งหมดนี้คนเฒ่าคนแก่ต่างก็ได้เตือนกันว่าที่ดินแห่งนี้เป็นที่ดินอาถรรพ์และมีสิ่งศักดิ์เป็นจำนวนมากและไม่ควรเข้าไปทำอะไรกับที่ดินพื้นนี้เพราะว่ามันมีอาถรรพ์ที่เฮี้ยนมากๆแล้วในการลือถอนศาลหรือว่าสถานที่สำคัญ

ในการเตรียมจะสร้างสนามบินและยังมีสถานที่อีกแห่งที่ถูกลือถอนไปนั่นก็คือวัดนั่นเองเดิมที่พื้นที่ตรงนี้เป้นที่ตั้งของวัดปรือเป็นที่ตั้งเดิมโดยในปัจจุบันวัดหนองปรือได้ย้ายออกไปสร้างอยู่ในที่ดินผืนหนึ่งที่ทางรัฐบาลได้จัดเอาไว้ให้หลังจากที่ลือถอนออกไปแล้วที่ดินตรงนี้ก็กลายมาเป็นสถานีดับเพลิงหนึ่งอยู่ภายในสนามบินสุวรรณภูมินั่นเอง

ถ้าหากว่าเราเรียบรันเวย์หากมองเข้าไปจะเห็นเขียนว่าสถานีดับเพลิงหนึ่งเราคิดว่าน่าจะเป็นจุดนั้นที่เป็นที่ตั้งของสถานที่วัดเก่านั่นเองเรื่องราวอาถรรพ์ต่างๆคุณลองคิดดูสิว่าเดิมทีมันเป็นวัดแล้วมาสร้างอะไรทับไว้มันจะมีเรื่องราวอะไรแปลกๆเกิดขึ้นบางไหม

ว่ากันว่าครั้งนึงมีพนักงานที่ประจำการอยู่ในหน่วยงานดับเพลิงนั้นเล่าให้ฟังว่าในขณะที่ตนนั้นกำลังนอนหลับพักผ่อนอยู่ในตึกปรากฎว่าต้องตกใจตื่นขึ้นมาเพราะว่าได้มีเงาดำรูปร่างตัวใหญ่มากเข้ามานอนอยู่ข้างๆและด้วยความตกใจก็รีบลุกขึ้นมาวิ่งหนีออกจากห้องโดยเร็ว

นอกจากนี้ยังมีพนักงานอีกคนที่เล่าให้ฟังว่าช่วงประมาณเที่ยงคืนตนต้องเข้ามาเปลี่ยนกะกับที่อยู่บนอาคารในจังหวะที่กำลังเปิดประตูเข้ามาเขาเห็นผู้หญิงผมยาวห่มสไบสีแดงเดินผ่านหน้าไปแล้วหายเข้าไปในบริเวณกำแพงชั้นสองและไม่ใช่เพียงแค่เขาเห็นผู้หญิงใส่สไบสีแดงเดินผ่านไปยังมีอีกหลายคนที่พบเจอกับเรื่องราวเหล่านี้เกี่ยวกับผู้หญิงใสสไบสีแดงเดินอยู๋ในบริเวณพื้นที่แห่งนี้อีกด้วย

 

 

ขอบคุณ  ทางเข้า sbobet ใหม่ล่าสุด  ที่ให้การสนับสนุน

ตำนานพระนอนกินเณรเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า

ตำนานพระนอนกินเณร เวลาที่เราพูดถึงตำนานความเชื่อในประเทศไทยของเราซึ่งเราจะบอกว่ามันมีอยู่หลากหลายตำนานและหลากหลายพื้นที่มากถ้าให้ยกตัวอย่างเช่นตำนานหุ่นยักษ์กินคนนี่ก็เป็นหนึ่งในตำนานไทยที่โด่งดังมากๆแล้วใช้คำว่าถูกพูดต่อกันมาแล้วสู่รุ่นต่อรุ่นมานับไม่ถ้วน

ซึ่งอย่างที่ได้กล่าวไปมันจะมีอยู่หลายตำนานมากในทั่วประเทศไทยแต่มันจะมีอยู่หนึ่งตำนานที่เขาว่ากันว่าตำนานนี้เกิดขึ้นจริงและเป็นตำนานที่โด่งดังเป็นอันดับต้นๆของจังหวัดนครสวรรค์เลยก็ว่าได้และเรื่องนี้ก็เกิดขึ้นมาแค่เพียง100กว่าปีเท่านั้น

เพราะฉะนั้นแล้วตำนานที่เราจะพูดถึงตรงนี้ก็คือพระนอนกินเณรโดยตำนานพระนอนกินเณรตรงนี้ที่เราได้กล่าวถึงเขาบอกว่าตามบันทึกเขาบอกว่าได้เกิดขึ้นเมื่อปี2460ที่จังหวัดนครสวรรค์ที่วัดเขากบและวัดเขากบในปัจจุบันนี้เป็นวัดที่ค่อนข้างที่จะสวยงามมากๆแล้วก็เป็นวัดใหญ่วัดนึงเลยก็ว่าได้

เมื่อ100ปีประมาณปี2460วัดเขากบตรงนี้สมัยก่อนมันเป็นพื้นที่ร้างมันเป็นวัดเก่าที่ไม่มีพระอยู่แล้วแต่ในตำนานเขาได้บอกเอาไว้ว่า ณ เวลานั้นเองได้มีพระองค์หนึ่งได้ ธุดงค์ มาจากจังหวัดอุตรดิตถ์และได้เข้ามาประจำวัดแห่งพื้นที่จังหวัดเขากบตรงนี้และทำให้วัดแห่งนี้เฟื้องฟูขึ้นมาได้และทำให้ชาวบ้านได้พากันเข้าวัดเหมือนเดิม

ซึ่งพระรูปนั่นมีชื่อว่า หลวงพ่อทอง นั่นเอง โดยตามประวัติหลวงพ่อทองตรงนี้ ณ กำหนดตอนแรกเขาบอกว่าเขาจะมามจำวัดเพียงแค่ชั่วคราวเท่านั้นและเขาก็จะเดินทางธุดงค์ต่อไปแต่ว่าชาวบ้านได้เลื่อมใส

และชื่นชอบในตัวของหลวงพ่อทองเป็นที่เรียบร้อยแล้วเขาก็รมวพ่อขอให้หลวงพ่อทองทำการจำวัดอยู่ที่แห่งนี้ตลอดไปแล้วให้เป็นพระเจ้าอาวาสที่แห่งนี้เลยดีกว่า

เนื่องจากนี้ก็เลยทำให้ตัวของ หลวงพ่อทองเองก็ไม่สามารถปฏิเสธชาวบ้านได้เขาก็เลยทำหน้าที่เป็นเจ้าอาวาสและทำการอยู่ที่วัดแห่งนี้มาตั้งแต่ที่หลวงพ่อได้เดินธุดงค์มาถึงนั่นเองซึ่งอยางที่ได้กล่าวออกไปหลังจากที่หลวงพ่อทองนั่นได้เข้ามาอยู่ที่นี่มัน็ได้เฟื่องฟูขึ้นมาเรื่อยๆ

วัดแห่งนี้ก็เริ่มที่จะมีคนเข้ามาบวชเป็นพระมาบวชเป็นเณรมากขึ้นๆทุกวันแต่แล้ววันนึงก็เกิดเหตุที่ไม่คลายคิดเกิดขึ้นอยู่ๆก็ได้มีเณรหายไปแบบไร้สาเหตุและไม่สามารถบอกได้เลยว่าเณรนั้นได้หายตัวไปไหนหาเท่าไหร่ก็ไม่เจอ

 

สนับสนุนโดย.  gclub เว็บตรง