ลักษณะงานศิลปะของไทย มีความแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัดเจน

ลักษณะงานศิลปะของไทย หรือแม้อาจจะมีความคล้ายคลึงกันมากแค่ไหนก็จะมีจุดโดดเด่นออกมา ที่จะสามารถชี้ได้ว่างานแบบไหนเป็นลักษณะใด และที่ว่างานบางประเภทที่มีความเหมือนกันนั้นเพราะศิลปะคือวัฒนธรรมที่ถูกเผยแพร่ไปยังหลายๆที่ เช่นเดียวกันกับศิลปะของไทย

ที่ได้รับอิทธิพลมาจากประเทศอื่นๆ แต่ก็ได้นำมาประยุกต์ พัฒนารูปแบบ ให้เป็นเอกลักษณ์ของศิลปะแบบไทยที่สร้างความแตกต่างจากของต่างชาติอย่างประเทศในแถบตะวันตกอย่างสิ้นเชิง แต่จะมีอะไรบ้างที่มีข้อแตกต่าง? ไปดูกัน

1.ไม่เน้นสร้างให้เหมือนจริงจากธรรมชาติ

เพราะศิลปะทางตะวันตกรังสรรค์โดยธรรมชาตินิยม หรือ ศิลปะเสมือนจริง ซึ่งมีความแตกต่างจากของไทยตรงที่ของไทยเรานั้นจะเป็นการดัดแปลงจากธรรมชาติไปตามคตินิยม

จัดเป็นศิลปะที่มีอุดมคติ หรือ ศิลปะประเพณี ชิ้นงานจะถูกรังสรรค์ขึ้นจากการใช้ปรัชญา อย่างเช่น ความเชื่อที่ต่อการมีอยู่จริงของสวรรค์และนรก ทำให้ต้องกำหนดแบบแผนขึ้นที่ว่าแบบครู อย่างเช่น เทพ เทวดา มนุษย์ สัตว์ รวมถึงธรรมชาติก็จะเป็นแบบที่สามารถกำหนดขึ้นมาเองได้

2.แรงบันดาลใจจากธรรมชาติ

ธรรมชาติไม่ศิลปะ แต่เป็นสิ่งกระตุ้น เป็นแรงบันดาลใจ ที่ทำให้พึ่งพอใจในความสวยงามที่ถูกสร้างขึ้นโดยไม่มีใครควบคุม การมองความสวยของธรรมชาติ จะถูกถ่ายออกมาได้หลากหลายรูปแบบ หากสังเกตเห็นลวดลาดการวาดการแกะสลักของไทยนั้นส่วนใหญ่ก็ได้แนวคิดมาจากธรรมชาติอย่าง ดอกไม้ ต้นไม้ สัตว์

รวมไปถึงสัตว์ในวรรณคดีจะเห็นได้ว่าสัตว์แต่ละชนิดมีความสัตว์ที่เราเห็นได้ทั่วไปแต่ถูกผสมผสานไปด้วยจินตนาการที่หลากหลายจึงทำให้กลายเป็นเอกลักษณ์ศิลปะของไทย

3.อิทธิพลจากความเชื่อทางศาสนาและไสยศาสตร์

ในความเชื่อทางศาสนา คนไทยส่วนใหญ่เดิมทีนับถือศาสนาพุทธ นิกายหินยานเป็นหลักและผสมผสานกับความเชื่อของศาสนาพราหมณ์ ศูนย์กลางของสังคมไทยแต่โบราณคือ วัด เป็นสถานที่ที่รวบรวมศิลปะของไทยไว้ทุกแขนงอย่าง

ผังของศาสนสถาน การสร้างพระพุทธรูป ฯลฯ อีกแนวความเชื่อของยุคสมัยก่อนคือ ไสยศาสตร์ ความเชื่อนี้ถูกสร้างขึ้นก่อนจะที่เปลี่ยนไปนับถือศาสนาพุทธ เป็นความเชื่อในสิ่งลี่ลับ เหนือธรรมชาติอย่าง ภูต ผี ปีศาจ วิญญาณ ที่ให้ทั้งคุณและโทษ มีสร้างพิธีกรรมขึ้นมาให้ดูน่าเชื่อถือ และเอาสิ่งชนะเหล่านั้นเช่น การสักยันต์ เป็นต้น

ศิลปะของไทยนั้นมีความสวยงาม ที่ให้ความรู้สึกถึงความอ่อนช้อย นุ่มนวม ประณีต

ซึ่งลักษณะเหล่านี้เป็นเอกลักษณ์ของศิลปะแบบไทยที่เป็นชาติเสรี รักอิสระ แสดงให้เห็นถึงอุปนิสัยของคนไทยที่รังสรรค์ชิ้นงานขึ้น ศิลปะของไทยจึงมีการวางแบบแผนวิธีทำและลักษณะต่างๆ ให้เป็นแบบแผนที่ชัดเจนและแน่นอนตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน

ขอบคุณที่มาของบทความ แทงบอลไม่มีขั้นต่ำ

ตัวอักษร หนึ่งในองค์ประกอบพื้นฐานของการออกแบบ เรื่องนี้วงการการออกแบบของประเทศเราเพิ่งให้ความสำคัญอย่างแพร่หลาย

ตัวอักษร หนึ่งในองค์ประกอบพื้นฐานของการออกแบบ ไม่นานมากนักลองนึกภาพสมัยก่อนที่ไม่ว่าจะธุรกิจใดหรือร้านค้าหรือว่าอะไรก็ตาม ไม่ค่อยได้คิดเรื่องการใช้ตัวอักษรมากนัก

ก็จะใช้อักษรแบบไม่ค่อยเข้ากับธุรกิจของตัวเองเป็นส่วนใหญ่ แต่นั้นก็อาจไม่ได้มีผลกระทบมากนัก เพราะการแข่งขันไม่ได้สูงเท่าสมัยนี้ เพราะอย่างนั้นภาพลักษณ์ของแบรนด์สมัยก่อนก็ยังไม่ค่อยมีผลเท่ากับสมัยนี้

สมัยนี้นั้นการแข่งขันของธุรกิจแต่ละประเภทสูงมากๆ ผู้บริโภคหลายๆคนตัดสินใจจากการเห็นครั้งแรกว่าสะดุดตาพอให้เข้าไปดูไหม แล้วเมื่อเกินสิ่งนี้ขึ้นการตลาดสมัยใหม่ก็ได้ให้ความสำคัญกับคำว่า First Impression นั้นเอง

จึงต้องทำภาพลักษณ์ให้ดูสวยงามสะดุดตา แล้วก็นำเสนอถึงตัวตนธุรกิจให้ได้มากที่สุด แล้วเรื่องตัวอักษรนี้ก็เป็นหนึ่งในเรื่องนี้อย่างมากเรื่องหนึ่ง

การตัดสินใจใช้ตัวอักษรนั้น

ส่วนมากแล้วนักออกแบบจะต้องคำนึงถึงความเหมาะสมกับธุรกิจของตัวเองให้ได้ ถ้าเป็นสินค้าแบบไทยๆ แล้วต้องการแสดงถึงความเป็นไทย ก็ต้องใช้ฟ้อนที่ดูไทยๆแล้วนำเสนอความเป็นไทยได้ดีนั้นเอง

หรือต้องการทำร้านกาแฟสไตล์ loft ก็ต้องใช้ตัวอักษรที่ดูเรียบง่าย ไม่เยอะจนเกินไป ไม่มีหัวเลยก็ดีเป็นทางทีดี เป็นต้น

ตัวอังษรนั้นสมัยนี้ถึงกับเป็นสาขาวิชาเรียนของการออกแบบเลยด้วยซ้ำไป เพราะมันเป็นเรื่องสำคัญทางการตลาดมากจริงๆ

การที่จะจ้างนักออกแบบมาออกแบบตัวอักษรก็ใช้เงินมากโขเลยทีเดียว แต่ในยุคนี้ที่มีคนสร้างแบบตัวอักษรออกมาอย่างมากมาย ไม่ต้องคิดเองให้เสียเงินเสียทองมากมาย

แต่เหล่านักออกแบบก็ต้องค้นคว้าพอสมควรในการนำแบบตัวอักษรที่มีมากมายในอินเตอร์เน็ต

ทั้งแบบฟรีแล้วก็เสียเงิน ว่าให้ตรงกับภาพลักษณ์ของธุรกิจนั้นๆ ต่อให้เป็นงานออกแบบเชิงนิตรสารก็ต้องเลือกตัวอักษรในแต่ละส่วนของหนังสือหนึ่งเลมให้ดีเช่นกัน เพื่อเป็นการสร้างความน่าอ่านให้กับผู้อ่านอีกด้วย ตัวอักษรนั้นช่างสำคัญมากนักในยุคนี้ ดังนั้นนักออกแบบก็ไม่ควรมองข้ามอย่างเด็ดขาด

รูปร่าง หนึ่งในองค์ประกอบพื้นฐานของการออกแบบ เรื่องรูปร่างนั้นถือเป็นเรื่องที่ต่อมาจากการใช้เส้นก็ว่าได้ เนื่องจากการวาดเส้น นักออกแบบก็ต้องวาดเส้นออกมาให้เป็นรูปร่าง ไม่ว่าจะรูปร่างยังไงก็ตาม แต่รูปร่างก็ต้องเกิดขึ้นมาในงานออกแบบอยู่เดียว ซึ่งรูปร่างก็เป็นตัวกำหนดความน่าสนใจของงานออกแบบนั้นๆ เช่นเดียวกับสีที่กำหนด Modd and Tone ของงานออกแบบเช่นกัน

รูปร่าง หนึ่งในองค์ประกอบพื้นฐานของการออกแบบ  เพราะฉนั้นการที่นักออกแบบจะสามารถออกแบบอะไรได้ดี ก็น่าจะจำเป็นต้องสนใจเรื่องรูปร่างด้วยเหมือนกันเพื่อเป็นการขยายขอบเขตแล้วก็เป็นการปลดล็อคความสามารถของนักออกแบบให้เพิ่มขึ้นอีกด้วย

รูปร่างนั้นมีมากมายหลายรูปร่างเช่นกันแต่หลักๆแล้วก็จะมาจากรูปทรงเลขาคณิตย์นำมาตัด เฉือน หรือ เสริม ได้อย่างอิสระ แล้วรูปร่างนั้นก็เป็นตัวกำหนดสไตล์การออกแบบอีกด้วย อย่างเช่น การออกแบบสไตล์ minimal ก็ต้องบอกเลยว่าเป็นสไตล์ที่แสดงถึงความเรียบง่าย

ดังนั้นรูปร่างก็จะเป็นตามรูปทรงเลขาคณิตย์พื้นฐาน อย่างเช่น วงกลม สี่เหลี่ยม สามเหลี่ยม ซึ่งนั้นก็เป็นเหตุให้การออกแบบสไตล์นี้ของแต่ละนักออกแบบค่อยข้างที่จะดูคล้ายกันมาก ดังนั้นนักออกแบบที่ถนัดสไตล์ minimal ก็อาจจะต้องมีความคิดสร้างสรรค์มากกว่าสไตล์อื่นสักหน่อย

จะได้มีความแตกต่างที่ทำให้ผู้ซื้อรู้สึกได้ว่านี่คืองานที่แตกต่าง แต่เอาจริงก็ไม่ได้จำเป็นมากหรอกนะ Minimal ก็คือ Minimal หรือว่านักออกแบบสไตล์สัญญาลักษณ์ อันนี้ถือเป็นเรื่องใหญ่เลยล่ะ ถึงกับมีสาขาวิชาแยกกันเลย

เพราะว่ามันค่อยข้างต้องใช้การฝึกฝนที่จะนำรูปทรงต่างๆมา ซ้อน มาตัด มารวม อะไรประมาณนี้ นั้นก็เลยทำให้การใช้รูปร่างนั้นถือเป็นการวัดฝีมือนักออกแบบเลยก็ว่าได้ ว่ามีความชำนาญในเรื่องของรูปทรงมากแค่ไหน รูปทรงเมื่อนำรวมกับเส้นแล้ว

ก็จะสามารถสร้างเป็นสไตล์ใหม่ๆที่แตกต่างได้เรื่อยๆไม่มีวันจบสิ้น เพราะฉนั้น สามส่วนหลังอย่างการ วาดเส้น สี และรูปร่าง นี้ถือเป็นพื้นฐานในการทำให้กรอบความคิดในการออกแบบของนักออกแบบกว้างขึ้นเรื่อยๆแล้วก็กลายเป็นนักออกแบบที่เก่งขึ้นเรื่อยๆ

เรื่องนี้ถึงแม้ว่าจะมีให้ศึกษามามากในอินเตอร์เน็ต แต่ว่าก็มีความจำเป็นในการออกไปหาที่ศึกษาคอสเรียนไว้บ้างก็ดีไม่น้อย

Zack Snyder หนึ่งในสุดยอดผู้กำกับของฮอลีวูด ยุคนี้อะนะ ผู้กำกับมือทอง หรือผู้กำกับหน้าใหม่แต่ดังเปรี้ยงขึ้นมาก็เพราะหันมาจับหนังซุปเปอร์ฮีโร่กันทั้งนั้นเลย อย่างคนนี้ แซค สไนเดอร์ ก็เป็นคนที่ทำหนังซุปเปอร์ฮีไร่ได้อย่างยอดเยี่ยม ฮีโร่ไหนนะหรอ คงไม่ต้องบอกหรอกนะ รู้จักกันหมดแน่ๆ

อาจจะเป็นฮีโร่คนแรกบนโลกที่ทำให้เด็กๆรู้จักซุปเปอร์ฮีโร่เลยก็ได้ นั้นก็คือ Man of steel

ต้องบอกเลยว่า โดนรีเมคมาไม่รู้กี่ภาคต่อกี่ภาค แต่ภาคนี้ทำได้ร่วมสมัยและมีเนื้อเรื่องที่เข้มข้นที่สุดเลย ทุกอย่างมีเหตุมีผลดี แล้วที่ชอบมาคือเป็นหนังร่วมจักรวาลกับเหล่าฮีโร่ของจักรวาล DC อีกด้วย กลายเป็น Justice ลีก หนังซุปเปอร์ฮีโร่ที่ชนค่ายดังอย่าง Marvel ได้อย่างสมน้ำสมเนื้อ 

แต่ผลงานเขาก็ไม่ใช่แค่นั้นนะ ยังมีเรื่องที่แจ้งเกิดให้กับเขาเป็นสไตล์การกำกับแบบใหม่แวกแนวสุดอย่างเรื่อง 300ได้ยินปุ่ม ภาพเลือดสาดมาทันทีเลย เรื่องอิงนี้ประวัติศาสตร์ของความกล้าหารของกษัตริผู้ยิ่งใหญ่ ลีโอเนดัส ที่นำทหารเพียง 300 คนต่อกรกับทหารนับหมื่นนับแสนของกองทัพเปอร์เซีย

ทำให้เปอร์เซียถึงขั้นย่อยยับแล้วก็ไม่สามารถยึดกรีกได้ เรื่องนี้ถึงขั้นกลายเป็นสไตล์ใหม่ให้กับหนังอีกหลายเรื่อง รวมทั้ง Series เรื่อง Spartacus อีกด้วย ดังเป็นพลุแตก ทำมาหลายซีซันกันเลย ทั้งหมดนั้นมาจากต้นแบบเรือง 300 ของ แชค สไนเดอร์คนนี้ยังไงล่ะ อีกทั้งยังมีหนังแนวสไตล์เดียวกับ 300 แต่ทำออกมาเป็นหนังซุปเปอร์ฮีโร่จากการ์ตูนชื่อดังอย่าง Watchmen อีกด้วย ซึ่งเรื่องนี้ต้องบอกเลยว่าไม่ธรรมดา ทำออกมาได้หม่นๆแล้วก็พึบพรำอะไรไม่รู้ทั้งเรื่อง แต่กลับทำให้คลาดสายตาไม่ได้

สุดท้ายกลายเป็นการส่อสังคมอย่างเรียบง่าย เป็นหนังที่ตอกหน้าผู้นำแต่ละประเทศได้อย่างเจ็บแสบทีเดียว

ร่วมไปทั้งการที่จะบอกคนบนโลกทุกคนด้วยว่า การเป็นซุปเปอร์ฮีโร่ไม่ใช่เรื่องง่ายๆนะเป็นอะไรที่ต้องเสียสละแล้วก็ต้องยอมโดดเดียวอย่างมาก สุดท้ายอาจถูกมองเป็นผู้ร้ายเข้าสักวัน คนฉลาดเท่านั้นที่จะอยู่รอดได้

Peter Jackson หนึ่งในสุดยอดผู้กำกับฮอลลีวูด ไอ้ย่ะ เอาจริงๆถ้าพูดว่าไม่รู้จักผู้กำกับคนนี้ ก็ต้องบอกเลยว่าคุณไม่รู้จักสุดยอดหนังไตรภาคที่กวาดรางวัลไปทั่วโลก ไม่ว่าจะภาพไหนก็ตามอย่างเรือง The Lord of the Ring แล้วก็ The Hobbit แค่สองชุดหนังไตรภาคแห่งจักรวาล Middle Earth นี้ก็เรียกได้ว่าเป็นสุดยอดผลงานในตำนานที่หาใครมาล้มได้ยากแล้วล่ะ

หนังที่ทำได้ขนาดนี้ ผู้กำกับก็คงติดอยู่บนหิ้งไม่มีวันลงมาแล้ว

หนังของจักรวาลนี้ก็ต้อง พูดถึงผู้กำกับคนนี้เลย ปีเตอร์ แจ็คสัน คล้ายๆ เพอร์ซี่ แจ็คสัน ว่าไหม แต่เขาคนนี้ไม่ได้ทำเรืองนี้หรอกนะ

ผู้กำกับชาวนิวซีแลนด์นี้ ถือเป็นผู้กำกับฝีมือยอดเยี่ยมทีเดียว แล้วเขาก็ใช้สถานที่บ้านเกิดของเขาที่มีที่ที่สวยงามมากมายมหาศาลโดยที่ไม่ต้องจัดเตรียมอะไรมากมาย พร้อมทั้งภูมิประเทศที่ยังคงมีความเหมือนสมัยก่อนที่มี เนินเขา แม่น้ำลำธารมากมาย

นำมาใช้เป็นฉากและสถานที่ต่างๆในหนังฟอร์มสุดอภิมหายักได้อย่างง่ายดาย

แล้วก็สร้างสรรค์อารมย์เพียงแค่ใส่เพลงที่ชวนนึกถึงยุคแห่งแหวน ก็ได้ฉากและบรรยากาศแบบหนังสไตล์นั้นได้อย่างเรียบเนียน หนังเรื่อง The Lord of the ring แล้วก็ The Hobbit นั้นเป็นหนังในจักรวาลแห่งแหวนเดียวกัน

ซึ่งเป็นคนละช่วงเวลาเท่านั้น หนังที่เต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์แห่งสงครามหลายเผ่าพันธุ์ที่ทุกคนใฝ่ฝันจะได้ดู เหล่าบรรดาผู้กล้าจากหลายเผ่าพันธุ์ช่วยกันนำแหวนหนึ่งเดียวที่จอมมารจะใช้ยิดครองโลกได้ไปทำลายทิ้ง

โดย นำเสนอได้อย่างยอดเยี่ยมผ่านบุรุษเพียงผู้เดียวที่สามารถต้านทานอำนาจแห่งแหวนได้

เผ่าพันธุ์ที่ดูด่อยค่าแต่เต็มไปด้วยความกล้าหาญนี้ทำให้ เหล่าคนที่อ่อนแอได้ดูแล้วรู้สึกมีความหวังในการใช้ชีวิตมากขึ้น ต้องบอกว่าหนังมหากาฬชุดนี้ทำมาจากนิยายก็จริง แต่บอกได้เลยว่า ทำได้ดีไม่แพ้มนต์คลั่งในนิยายเลย พร้อมทั้งกรันตีด้วยรางวัลออสก้า ในภาคจบของ The Lord Of The Ring เป็นหลังที่ผมยอมซึ้อแผ่นมาเก็บไว้เลยล่ะ เอาไว้วันที่อยากพักผ่อนยาวๆ จัดให้ครบทุกภาพเลย

ศิลปินชื่อดังที่คนยกย่อง Vincent van Gogh สุดยอดศิลปินเอกของโลก

ศิลปินชื่อดังที่คนยกย่อง ศิลปินคนนี้เป็นคนเนธอร์แลนด์โดยกำเนิด ซึ่งเกิดเมื่อปี 1853
เขานั้นเป็นคนที่แปลกมาตั้งแต่เด็กๆแล้ว เขามีอารมณ์ที่บูดบึ้งพอสมควร ืจริงจังกับทุกๆเรื่องที่ทำยิ่งกว่านั้นไม่ว่าเหตุการณ์อะไรเขาจะเป็นคนที่คิดมากหลายตลบ

เขานั้นพยายยามที่จะสร้างสมประสบการณ์อย่างมากตั้งแต่ยังเป็นช่วงวัยรุ่นเขาลองริเริ่มทำอะไรหลายอย่างมากๆแต่แต่ละอย่างที่เขาทำก็ไม่ได้เกิดผลงานที่ทำให้โลกจำได้มากนัก แล้วเมื่อเขาอายุได้27 ปี เขาก็ได้สนใจวิถีแห่งจิตรกรรมการวาดภาพแล้วนั้นก็ทำได้ดีอย่างมากผลงานชิ้นแรกที่เป็นการแจ้งเกิดให้กับเขานั้นคือ The Potato Eatersเป็นภาพที่ถือได้ว่าหมนหม่องอย่างมาก ซึ่งแปลกที่นั้นเป็นเทศกาล Eatersที่ควรจะเป็นเทศการแห่งการรำลึก

ซึ่งไม่แปลกหรอกเพราะผลงานส่วนมากของเขานั้นก็เป็นอารมณ์ที่หม่นหมองแบบนี้ทั้งนั้น
จะมีอารมณ์เศร้าทุกข์ระทมแทรกอยู่ในทุกผลงานของเขาอยู่เสมอๆนั้นอาจเป็นผลพวงมาจากความจริงจังคิดมากและเคร่งขรึมของเขานั้นเอง

หลังจากแจ้งเกิดเขาก็ได้ไปอยู่ที่ปารีสเพื่อไปหาวิธีต่างๆที่จะทำให้เขานั้นมีเทคนิคใน

การสร้างสรรค์ผลงานมากขึ้น

เขานั้นได้เข้ารวมกลุ่มกับศิลปินชื่อดังในยุคนั้นมากมายแล้วที่นั้นเองที่เขาได้เริ่มเปลี่ยนแนวการวาดไปในทางที่ดูมีชีวิตชีวามากขึ้น
ซึ่งในตอนนั้นนั่นเองที่เขาได้สร้างผลงานอันเป็นดั่งสัญญาลักษณ์ให้กับตัวเขาเป็นอย่างใหญ่หลวง นั้นก็คือ Sunflowers Café Terrace at Night Irisesแล้วก็สุดยอดภาพมองแล้วชวนให้หลงงงงวย The Starry Night

ซึ่งหลังจากที่เขาได้สร้างผลงานที่เป็นระดับตำนานมามากมาย เขาก็ได้ป่วยทางจิตซึ่งนั้นมาจากการที่เขาทำงานแบบไม่พักผ่อนเลยแถมไม่ค่อยทานและที่แย่สุดเขาใช้แอลกอฮอล์ในการดำเนินชีวิตซะมากกว่าสุดท้ายเขาเอามีดโกนปาดหูตัวเองซะงั้น

แล้วก็จบชีวิตตัวเองด้วยการยิงตัวตายตอนอายุเพียง 37 ปีเขานั้นเหมือนจะเป็นจิตรกรที่เป็นตำนานของโลกใบนี้ แต่ในยุคเขานั้นเขาเป็นคนที่ถูกบูลี่อยู่เสมอๆ เหมือนเป็นศิลปินที่มีชีวิตที่ล้มเหลวอย่างแรง