grandprixactual (1)
Search
Close this search box.

Tag: สมัคร gclub ไม่มีขั้นต่ำ

ข้อมูลซึ่งเป็นข้อเท็จจริงเกี่ยวกับดวงจันทร์ที่น้อยคนนักที่จะรู้ 

     ข้อมูลซึ่งเป็นข้อเท็จจริง  เมื่อพูดถึงดวงจันทร์เรามักจะเห็นมันในยามค่ำคืนแต่อันที่จริงแล้วถ้าหากเรามองให้ดีๆจะเห็นได้ว่าแม้แต่ช่วงเวลากลางวันนั้นเราก็สามารถมองเห็นดวงจันทร์ได้เพียงแต่ว่าดวงจันทร์นั้นส่องสว่างไม่เท่ากับดวงอาทิตย์ทำให้แสงจากดวงอาทิตย์นั้นกับแสงของดวงจันทร์เราจะมองเห็นบนท้องฟ้านั้นมีดวงจันทร์เพียงแค่รางๆเท่านั้นเอง

         ยังไงก็ตามผู้คนยังมองเห็นอีกด้วยว่าดวงจันทร์นั้นถ้าหากเปรียบขนาดความใหญ่ของดวงอาทิตย์แล้ว

ถ้าจะเรียกได้ว่าดวงจันทร์กับดวงอาทิตย์นั้นมีความใหญ่เท่าเทียมกันแต่แท้ที่จริงแล้วคุณรู้หรือไม่ว่าจากการที่นักวิทยาศาสตร์ได้มีการออกไปสำรวจนอกโลกนั้นพบว่าดวงจันทร์กับดวงอาทิตย์นั้นมีขนาดที่แตกต่างกันเป็นอย่างมากเรียกได้ว่าขนาดแตกต่างกันมากถึง 400 เท่าเลยทีเดียว

และระหว่างดวงจันทร์กับดวงอาทิตย์นั้นดวงจันทร์มีขนาดเล็กกว่าดวงอาทิตย์ถึงหรือ 400 เท่านั้นเอง

        อย่างไรก็ตามสิ่งที่ทำให้เรามองเห็นดวงจันทร์กับดวงอาทิตย์มีลักษณะขนาดที่มีความเท่ากันนั่นก็เพราะว่าดวงจันทร์กับดวงอาทิตย์อยู่ห่างกันถึง 400 เท่าดังนั้นจึงทำให้สายตาของเรานั้นมองเห็นขนาดระหว่างดวงจันทร์กับดวงอาทิตย์มีขนาดเท่ากันนั่นเอง 

        นอกจากนี้ในช่วงเวลากลางคืนเราจะเห็นได้ว่าดวงจันทร์นั้นเมื่อ  สมัคร gclub ไม่มีขั้นต่ำ     ไม่มีแสงของพระอาทิตย์มาบดบังดวงจันทร์จะมีความสว่างเป็นอย่างมากเลยทีเดียว

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในคืนเดือนมืดแล้วแทบจะมองเห็นบรรยากาศโดยรอบๆตัวเราได้จากแสงของดวงจันทร์ซึ่งหลายคนเข้าใจว่าดวงจันทร์นั้นมีความสว่างเป็นอย่างมากเลยทีเดียว  

        ยังไงก็ตามคุณรู้หรือไม่ว่าถ้าหากนำแสงสว่างของดวงจันทร์มาเปรียบเทียบกับแสงสว่างของโลกของเราแล้วปรากฏว่าแสงสว่างของดวงจันทร์นั้นสว่างน้อยกว่าโลกของเราถึง 3 เท่าเลยทีเดียว  สิ่งเหล่านี้สามารถพิสูจน์ได้ด้วยการที่เวลาที่เรามีการถ่ายรูปซึ่งเป็นรูปภาพในเฟสเดียวกันที่มีทั้งดวงจันทร์และโลกอยู่ในภาพเดียวกัน

นั้นจะเห็นได้ว่าช่างภาพทั้งหลายจะต้องมีการเพิ่มแสงสว่างให้กับดวงจันทร์ให้มากขึ้นเพื่อที่จะให้แสงในภาพนั้นมีความสวยงามและสว่างใกล้เคียงกันนั่นเอง 

          อย่างไรก็ตามนักวิทยาศาสตร์ได้มีการคำนวณแล้วว่าถ้าหากเราต้องการที่จะให้ดวงจันทร์นั้นมีแสงสว่างเท่ากับช่วงเวลากลางวันตอนบ่ายบนโลกมนุษย์นั้นเราจะต้องใช้ดวงจันทร์มากถึง 3แสนดวงมารวมกันถึงจะสามารถทำให้เกิดแสงสว่างเท่ากับช่วงเวลากลางวัน

ซึ่งเป็นช่วงเวลาบ่ายบนโลกมนุษย์ได้ และที่สำคัญก็คือในสามแสนดวงนั้นจะต้องมี 206000 พันดวงที่จะต้องเป็นช่วงที่พระจันทร์เต็มดวงถึงจะสามารถเพิ่มแสงสว่างให้เทียบเท่ากับโลกในช่วงเวลาตอนบ่ายได้นั่นเอง 

ประเพณีก่อพระเจดีย์ทราย

     ประเพณีก่อพระเจดีย์ทราย  ในสมัยอดีตนั้นผู้คนส่วนใหญ่เมื่อถึงในช่วงวันสงกรานต์ซึ่งมักจะตรงกับวันที่ 13 ถึงวันที่ 15 ของเดือนเมษายนทุกปีจะมีการจัดกิจกรรมประเพณีทำบุญตักบาตรในวันสงกรานต์

ซึ่งทุกคนไม่ว่าจะอยู่จังหวัดไหนหรืออำเภอตำบลอะไรก็มักจะมารวมตัวกันตั้งแต่เช้าตรู่ที่วัดเพื่อร่วมทำบุญตักบาตรร่วมกันหลังจากที่ทำบุญตักบาตรแล้วก็จะมีพิธีการสรงน้ำพระในวัดดังกล่าวหลังจากนั้นก็จะเป็นการละเล่นซึ่งแต่ละคนนั้นก็จะมีการแยกตัวไปเล่นบางคนอาจจะเล่นสาดน้ำกันในวัดหรืออาจจะไปเล่นข้างนอกด้วยปัจจุบันนี้ไม่มีการเล่นสาดน้ำกันในวัดแล้วส่วนใหญ่จะไปเล่นตามสวนสาธารณะที่มีคนหนาแน่น

       อย่างไรก็ตามในสมัยอดีตนั้นพอตกเย็นผู้คนจะรวมตัวกันที่วัดอีกครั้งหนึ่งเพื่อที่จะเข้าร่วมประเพณีก่อพระเจดีย์ทรายโดยคนแต่ละคนนั้นจะต้องมีการขนทรายมาเพื่อสร้างเจดีย์ทรายภายในวัดซึ่งแต่ละคนนั้นก็จะมีการสร้างเจดีย์ทรายแข่งขันกันมีการตกแต่งให้สวยงามมีการประกวดแข่งขันกันว่าเจดีย์ทรายของใครนั้นจะสวยกว่ากัน

        ปัจจุบันประเพณีการก่อเจดีย์ทรายของแต่ละพื้นที่นั้นถูกยกเลิกไปสาเหตุนั้นก็เพราะว่าวัยรุ่นส่วนใหญ่ไม่ค่อยยึดมั่นตามประเพณีเก่าแก่

ส่วนคนสูงวัยที่เคยจัดประเพณีก่อกองทรายนั้นก็ล้มหายตายจากไปเป็นจำนวนมากนอกจากนี้ยังค่อนข้างหายากไม่เหมือนในสมัยอดีตอีกด้วยดังนั้นประเพณีก่อพระเจดีย์ทรายจึงเป็นกิจกรรมที่มีเฉพาะบางพื้นที่เท่านั้นในปัจจุบันนี้

         อย่างไรก็ตามที่จังหวัดชลบุรี  ยังคงมีประเพณีการก่อพระเจดีย์ทรายขึ้นโดยมีการจัดประเพณีนี้ขึ้นที่เกาะขามใหญ่โดยจะมีการจัดประเพณีก่อพระเจดีย์ทรายในเดือนเมษายนของวันที่ 18   โดยมีความเชื่อว่าการจัดกิจกรรมประเพณีก่อพระเจดีย์ทรายนั้น      สมัคร gclub ไม่มีขั้นต่ำ    จะเป็นการเชื่อมโยงให้คนนับถือในพระพุทธศาสนาและยังเชื่อในเรื่องของกฎแห่งกรรม

        อย่างไรก็ตามในความเป็นจริงแล้วการจัดประเพณีการก่อพระเจดีย์ทรายนั้นก็เพราะว่าตั้งแต่ในสมัยอดีตแล้วผู้คนเดินทางมาทำบุญที่วัดเมื่อมาทำบุญที่วัดก็มีการเหยียบย่ำดินซึ่งอาจจะมีการเหยียบเอาทรายติดออกไปนอกวัดทำให้ทรายในวัดนั้นมีน้อยลง ดังนั้นจึงได้มีแนวความคิดที่ให้คนนั้นขนทรายเข้ามาแต่ใช้เป็นลักษณะของกุศโลบายโดยจัดประเพณีขึ้นเป็นประเพณีก่อพระเจดีย์ทรายให้คนนั้นมาก่อเจดีย์ทรายภายในวัดก็คือเป็นการขนทรายเข้ามาในวัดเพื่อให้พระวัดนั้นมีชายเหมือนเดิม  

           ประเพณีนี้ทำให้คนในชุมชนนั้นได้พบปะพูดคุยทำกิจกรรมร่วมกันมีความสามัคคี นอกจากนี้ไฟล์ที่เหลือหลังจากที่ทางวัดได้มีการเกลี่ยถมพื้นที่ภายในวัดเสร็จเรียบร้อยแล้วก็สามารถนำไฟล์ดังกล่าวไปใช้ทำประโยชน์ด้านอื่นๆได้เช่นใช้ในการซ่อมสะพานหรือนำไปก่อสร้างถนนหนทางต่างๆนั่นเอง 

ประวัติ มหาตมะคานธี 

    ประวัติ มหาตมะคานธี    เชื่อว่าหลายคนคงเคยได้ยินชื่อเสียงของ บุคคลสำคัญทางประวัติศาสตร์คนหนึ่งของประเทศอินเดีย  หรืออาจจะกล่าวได้ว่าเขาเป็นบุคคลสำคัญของโลกคนหนึ่งเลยก็ว่าได้ เนื่องจากบุคคลนี้ได้ทำคุณประโยชน์ให้กับเพื่อนมนุษย์ด้วยกันเป็นอย่างมาก สำหรับชายที่เรากำลังพูดถึงอยู่ในขณะนี้ก็คือ มหาตมะคานธี  

       สำหรับชื่อจริงของเขานั้น เขามีชื่อเต็มว่า  โมฮันทาน การัมจันทร์ คานธี ท่านที่เกิดวันที่ 2 ตุลาคม ปี  ค.ศ. 1869 ที่เมืองโปรพันธะแคว้นคชรัตน์ทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศอินเดีย    สำหรับ มหาตมะคานธี นั้นท่านนับถือศาสนาฮินดูแต่กำเนิดใช้ชีวิตอยู่ในวรรณะแพศย์ครั้งเมื่อคดีอายุ 18 ปี มหาตมะคานธี จึงได้เรียนวิชากฎหมายที่ประเทศอังกฤษ  นอกจากนี้ยังได้มีการ ปฏิญาณต่อมารดาว่าเขาจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับสุรา และนารี อย่างเด็ดขาด 

        หลังจากการศึกษาต่อไม่นานเขาก็สำเร็จการศึกษา  แล้วหลังจากนั้น คานธี ก็ได้ เดินทางกลับอินเดียซึงตรงกับในปี ค.ศ. 1891 มหาตมะคานธีนั้นถือได้ว่าเป็นบุคคลสำคัญที่ยิ่งใหญ่และมีคุณูปการต่อผู้คนทั้งในอินเดียและระดับโลก  เลยก็ว่าได้ เพราะว่าเส้นทางของเขาเริ่มต้นขึ้นเมื่อคานธีเปิดสำนักทนายความในประเทศอินเดียอยู่เป็นระยะเวลาหนึ่งแต่ไม่ประสบความสำเร็จเขาจึงตัดสินใจทำงานเป็นทนายความให้กับนักธุรกิจชาวอินเดียมุสลิมที่มีบริษัทอยู่ในประเทศแอฟริกาใต้ในปี ค.ศ.  1893 

         การไปทำงานที่แอฟริกาใต้นี้เองที่ทำให้เขาพบว่าชาวอินเดียที่เป็นแรงงานอยู่ประเทศดังกล่าวถูกปฏิบัติอย่างเอาเปรียบอย่างมาก เมื่อรู้ดังนั้น  มหาตมะคานธี  จึงตัดสินใจอยู่ที่แอฟริกาใต้เกินกว่ากำหนดและต่อสู้เรียกร้องความเป็นธรรมให้กับแรงงานเหล่านั้นโดยใช้วิธีการต่อสู้แบบสัตยาเคราะห์คือวิธีที่ไม่ฝักใฝ่ความรุนแรงไม่ใช้กำลังแต่ใช้พลังธรรมะ

ซึ่งการต่อสู้แบบสัตยาเคราะห์มีองค์ประกอบ 3 ประการคือ สัตย์หมายถึงความจริง หมายถึงการไม่เบียดเบียนให้เสียเลือดเสียเนื้อและ  การดื้อแพ่งหมายถึงการไม่ปฏิบัติตามกฎหมายอย่างสงบและการไม่ให้ความร่วมมือแก่ทางราชการเช่นการหยุดงานการไม่จ่ายภาษีหลังจากการต่อสู้ด้วยวิธีสัตยาเคราะห์จนประสบความสำเร็จในปี 1915 

      มหาตมะคานธี   ได้เดินทางกลับบ้านเกิดประเทศอินเดียและได้รับความไว้วางใจจากพรรคคองเกรสให้เป็นผู้นำต่อต้านกฎหมายเช่นพระราชบัญญัติ roasted ปี 1919 กฎหมายภาษีเกลือปี 1930 และเขาก็ได้กระทำการยิ่งใหญ่ต่อสู้เรียกร้องด้วยวิธีสัตยาเคราะห์จนทำให้อินเดียได้รับเอกราชจากอังกฤษในปี 1947 ในที่สุด

         มหาตมะคานธี ถึงแก่มรณภาพหลังจากที่อินเดียได้รับเอกราชเพียง 5 เดือนด้วยสาเหตุถูกลอบยิงจากชาวฮินดูหัวรุนแรงเมื่อวันที่ 30 มกราคมปี ค.ศ.1948 โดยคุณอุปการที่มหาตมะคานธีมีต่อประเทศอินเดียเขาจึงได้รับการยกย่องให้เป็นบิดาแห่งชาติอินเดียและขณะเดียวกันองค์การสหประชาชาติก็กำหนดให้วันเกิดของเขาคือวันที่ 2 ตุลาคมเป็นวันไม่ใช้ความรุนแรงของสากล 

 

 

สนับสนุนโดย.  สมัคร gclub ไม่มีขั้นต่ำ

เรามองศิลปะกันแบบไหน

การสร้างสรรค์เป็นสิ่งที่ล้วนเกิดมาจากความคิดสร้างสรรค์ จินตนาการ อารมณ์และความรู้สึกต่างๆของผู้สร้างสรรค์ ทำให้ในบางครั้งผู้ที่ชมศิลปะหากไม่ได้มีความเข้าใจในด้านศิลปะมากเท่าไหร่นักก็อาจจะทำให้เกิดความไม่เข้าใจถึงในเรื่องการสร้างสรรค์หรืออารมร์ความรู้สึกต่างๆเหล่านั้น

ศิลปะถือเป็นสิ่งที่ช่วยทำให้จิตใจของมนุษย์นั้นอ่อนโยนมากขึ้นช่วยลดและช่วยในการขัดเกลาให้มนุษย์นั้นมีความอ่อนไหวและคล้ายตามไปกับสิ่งที่สวยงามและเป้นศิลปะมากขึ้นไม่เพียงเท่านั้นในบางครั้งศิลปะก็ช่วยทำให้มนุษย์เข้าอกเข้าใจสิ่งต่างๆรอบตัว

รวมถึงการใช้ชีวิตมากขึ้นอีกด้วยเช่นกัน ถึงแม้ว่าคนเราแต่ละคนนั้นจะมีการมองสิ่งที่เป็นศิลปะแตกต่างกันออกไปก็ตามแต่เมื่อเรียนรู้แบะเข้าใจในความเป็นศิลปะได้แล้วนั้นศิลปะจะสามารถช่วยเราในเรื่องเหล่านี้ได้

มองศิลปะด้วยจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ตามที่ศิลปินนั้นได้สร้างสรรค์ผลงานด้วยจินตนาการของศิลปินเหล่านั้น สำหรับการมองศิลปะในลักษณะนี้นั้นจะเป็นการมองสำหรับผู้ที่ค่อนข้างจะเข้าใจในเรื่องต่างๆของความเป็นศิลปะรวมถึงรายละเอียดของศิลปะด้วย ดังนั้นแล้วสำหรับคนที่มองศิลปะในมุมมองแบบนี้นั้นจะสามารถแยกแยะความสวยงามและความไม่สวยงามแต่เป็นการสร้างสรรค์ที่ทำให้เกิดความแปลกใหม่หรือความตั้งใจในการสร้างสรรค์ว่าศิลปินนั้นต้องการสื่อสารในเรื่องใดและในเรื่องราวนั้นๆมีความเป็นไปได้อย่างไรบ้างเป็นต้น

มองศิลปะด้วยความคิดและใช้สมองในการวิเตนาะห์เป็นหลัก สำหรัลบคนที่มองงานศิลปะในลักษณะนี้นั้นจะเป้นคนที่ค่อนข้างมีความตรวงไปตรงมาและมักจะเลือกมองเพียงศิลปะสวยๆเท่านั้น เพระถึงแม้ผลงานจะถูกจำกัดอยู่แล้วว่าเป็นผลงานศิลปะที่เป็นการสร้างสรรค์จากจินตนาการหรืออารมณ์ของศิลปินคนหนึ่ง แต่สไหรับคนประเภทนี้นั้นในบางครั้งแจจะเป็นคนปรพเภที่ที่ต้องการเพียงความสวยงามเพื่อการวิเคราะห์และใช้ความคิดเพียงเท่านั้น

มองศิลปะด้วยอารมณ์และความรู้สึก การมองศิลปะแบบนี้นั้นจะไม่มีการมาแบ่งว่าศิลปะแบบใดสวยหรือศิลปะแบบใดไม่สวย แต่จะตัดสินจากความรู้สึกและอารมณ์ในขณะนั้นล้วนๆ ซึ่งถ้าหากศิลปินต้องการถ่ายทอดเรื่องราวศิลปะเหล่านั้นเกี่ยวกับความรักที่เป็นความเศร้าและหากผู้ที่มองศิลปะด้วยใจและอารณ์ในขณะนั้นมีอาการเศร้าก็จะทำให้คนเหล่านี้นั้นมองว่าผลงานชิ้นนั้นมีความสวยงามเพราะเป็นสิ่งที่ตนเองนั้นกำลังเผชิญมาหรือรับรู้มานั่นเอง

มองศิลปะด้วยใจ การมองแบบนี้นั้นถือว่าเป็นการมองแบบกลางๆ เพราะสำหรับคนที่มองศิลปะในลักษณะนี้จะไม่ได้มองว่าผลงานนั้นสวยงามหรือไม่สวยงามเพียงแต่จะรู้สึกชื่นชมในผลงานที่เป็นศิลปะทุกประเภทดังนั้นการมองในลักษณะนี้จึงไม่จำเป็นจะต้องใช้ความเข้าใจ

 

 

ขอบคุณผู้ให้การสนับสนุนโดย    สมัคร gclub ไม่มีขั้นต่ำ