grandprixactual (1)
Search
Close this search box.

กุมภาพันธ์ 2020 archive

การถูกค้นพบปราสาทเขาพระวิหาร

การถูกค้นพบปราสาทเขาพระวิหาร ใครที่เป็นคนเจอร่องรอยของปราสาทเขาพระวิหารในปีพ.ศ.2442

การถูกค้นพบปราสาทเขาพระวิหาร ปราสาทเขาพระวิหารได้ถูกค้นพบโดย พระเจ้าน้อยยาเธอกรมหลวงสรรพสิทธิ์ประสงค์ซึ่งเป็นพระอนุชาของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวพระองค์ได้จารึกพระนามไว้ที่บริเวณผาชะง่อนผาเป้ยตาดีว่าร.ส1018สันประสิทธิ์ซึ่งได้ตรงกับปีพุทธศักราช2442หลังจากที่ได้ค้นพบประเทศไทยก็ได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่ขึ้นไปครอบครองปราสาทเขาพระวิหาร

ซึ่งประเทศไทยครอบครองปราสาทเขาพรวิหารนานกว่า60ปีจนมาถึงในปีพุทธศักราช2493เขมรได้รับเอกราชจากฝรั่งเศษในปีพุทธศักราช2501ประชาชนชาวเขมรได้มีการเรียกร้องขอปราสาทเขาพระวิหารคือจากประเทศไทย 

ซึ่งในทางประเทศไทยได้ประปฏิเสธเขมรจึงได้ตัดความสัมพันธ์กับทางการทูตประเทศไทย ต่อมาเมื่อวันที่6ตุลาคมพุทธศักราช2502เจ้านโรดมสีหนุนายกรัฐมนตรีในขณะนั้นได้ยื่นฟ้องต่อศาสโลก ประเทศเนเธอร์แลนด์เพื่อเรียกร้องอธิปไตยบนปราสาทเขาพระวิหารให้เป็นของกัมพูชาและได้มีการตัดสินประชุมกันทั้งหมด738ครั้ง

ซึ่งได้มี15ประเทศที่ได้เข้าร่วมในการตัดสินโดยลักษณะของการลงคะแนนประเทศที่ลงคะแนนให้ปราสาทเขาพระวิหารเป็นของประเทศไทยมีอยู่3ประเทศคือ อาร์เจนติน่า จีน และ ออสเตรีย ประเทศที่ลงคะแนนให้กัมพูชามีอยู่9ประเทศคือ ญี่ปุ่น เปรุ โปแลนด์ ฝรั่งเศส อังกฤษ ปานามา อียิปต์ อิตาลี และ รัสเซีย และงดออกเสียง3ประเทศคือสหรัฐอเมริกา

เม็กซิโก  และ กรีซ ประเทศไทยแพ้ 3 ต่อ 9 เสียงศาสโลกจึงได้ตัดสินเมื่อวันที่15มิถุนายนพุทธศักราช2505นับว่าเป็นการเสียดินแดนไปครั้งที่14เป็นครั้งสุดท้ายของประเทศไทยเมื่อศาสโลกตัดสินและสิ่ง ที่รัฐบาลไทย จะต้องปฏิบัติตามมัดติของศาสโลกมีอยู่ 3 ข้อคือ

( 1 ) ให้ถอนกำลังทหารไทยที่อยู่บนปราสาทเขาพระวิหารที่อยู่ในเขตประเทศไทย

( 2 )ให้รัฐบาลคืนวัตถุโบราณประมาณ50ชิ้นให้แก่รัฐบาลกัมพูชา

( 3 )ให้อธิปไตยเหนือปราสาทเขาพระวิหารเป็นของกัมพูชา

จากนั้นมาปราสาทเขาพระวิหารจึงตกอยู่ภายใต้อธิปไตยของของประเทศกัมพูชา ปราสาทพระวิหารนับตั้งแต่บันไดทางขึ้นเรียกว่าบันไดหน้ามีทั้งหมด162ขั้นผู้สร้างมีเจตนาจะสร้างให้ชันเพื่อให้ผู้ที่จะเข้าไปร่วมประกอบพิธีขึ้นไปแบบหมอบคานบริเวณขั้นบันไดซ้ายและขวาจะมีขั้นบันไดทั้งหมด54ขั้นและราชสีห์54ตัวปัจจุบันเหลือเพียงตัวเดียว

เมื่อพ้นบนไดขั้นที่162จนถึงสพานที่เรียกว่าสะพานนาคราชหรือลานนาคราชขนาดกว้าง7เมตรยาว31เมตร80เซนติเมตรมีจำนวนเศียรนาคราชจำนวนสองตัวหันหน้าไปทางทิศเหนือคล้ายกัลงูจงอางนาคราชสองตัวยังไม่มีรัศมีเป็นศิลปะขอมแบบป่ามวนตามความเชื่อของศาสนาฮินดูสายรุ้งเป็นสพานเชื่อมระหว่างมนุษย์ไปสวรรค์

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย  เล่นบาคาร่าให้ได้เงิน

ตายแล้วไปไหน

ตายแล้วไปไหน สำหรับเรื่องนี้ก็ยังเป็นที่สงสัยของใครหลายๆคนต่างก็พากันสงสัยอยากรู้ว่าเวลาคนเรานั้นตายไปแล้วจะไปไหนซึ่งก็ยังไม่มีข้อที่แท้จริงและวันนี้เราจะมาบอกให้ใครหลายๆคนได้เข้าใจไปตามกัน

เรื่องนี้มีคุณสิริได้เล่าเอาไว้และมีท่านศาสตร์ตราจารย์และคนอื่นๆ

อีกหนึ่งคนได้บันทึกรวบรวมเอาไว้คุณสิริเล่าว่าเวลานั้นอายุได้เพียง19ปีติดตามพี่สาวไปอยู่อำเภอชนบทแห่งหนึ่งทางภาคอีสานวันสำคัญที่ทำให้ท่านได้รับรู้ว่าตายแล้วไปไหนนั้นเริ่มด้วยจากอาการปวดฟันกามเมื่อความปวดเพิ่มขึ้นคุณสิริก็ได้ไปหาหมอฟันอยู่ในตลาดเป็นชาวจีนหมอทำฟันก็จัดแจงถอนฟันกามซี่นั้นออกให้

จากนั้นคุณสิริก็ขึ้นสามล้อกลับบ้านพักถึงบ้านก็น่าจะประมาณ10นาฬิกาอาการปวดฟันกามก็ยังมีเพียงเล็กน้อยเท่านั้นแต่มีความรู้สึดว่าง่วงนอนเป็นอย่างมากก็ได้เข้าไปในห้องนอนตัวเองแล้วก็ได้ล่มตัวลงนอนที่นอนตัวเองจากนั้นได้เกิดความรู้สึดอยู่อย่างหนึ่งมันเหมือนกับมีอะไรบ้างอย่างวิ่งขึ้นมาจากปลายมือปลายเท้าวิ่งตรงเข้ามาตรงที่หัวใจวินาทีนั้นความรู้สึกทั้งหมดก็ได้ดับหายไปไม่มีความรับรู้อะไรอีกทั้งสิ้น

คุณสิริยังไม่รู้ว่าตัวเองนั้นได้ตายไปแล้วภาวะหลังจากที่สิ้นใจนั้นเป็นอะไรที่บอกได้อย่างถูกต้องรู้แต่เพียงว่าตัวเองนอนอยู่แล้วก็มีผู้ชายสองคนมาปลุกให้ตื่นคนหนึ่งยืนอยู่บนศรีษะอีกคนหนึ่งยืนอยู่ปลายเท้าคนที่อยู่บนศรีษะมีครบเพลินทำด้วยทองเหลืองถืออยู่ในมือทั้งสองคนมีผิวกายสีดำคนที่ยืนอยู่ปลายเท้าเป็นคนปลุกคุณสิริให้ตื่น

แล้วก็บอกว่าไปกันเถอะคุณสิริเหมือนกับว่าพึ่งตื่นนอนได้ยินชายผิวดำซึ่งยืนอยู่ด้านปลายเท้าชวนให้ไปก็เกิดสงสัยถามว่าจะไปไหนไปด้วยกันก็แล้วกันคุณสิริก็ลุกขึ้นไปอย่างดีไม่มีความรู้สึดขัดอะไรชายที่อยู่บนศรีษะบอกให้พาสิริไปคนเดียวส่วนเขาจะแยกไปอีกทางคุณสิริจำได้เป็นทางเดินออกจากป่าโป่งก็ได้เดินตามไปจนเห็นภูมิภาคอื่นเป็นหาดทรายมีน้ำสะอาดน่าแอบและก็ได้พบกับกำแพงสูงใหญ่และได้เดินเข้าไปก็พบเห็นดอกบัวขึ้นสวยเต็มไปหมด

จากนั้นก็มีศาลามีพระนั่งอยู่เหนือธรรมมาสกำลังเทศนาธรรมมีชายหญิงนั่งฟังอยู่ไม่กี่คนส่วนใหญ่จะเป็นคนชราคุณก็หยุดเดินยกมือไหว้รำลึกถือพุทธคุณธรรมคุณสังฆคุณจากนั้นก็ได้เดินผ่านประตูเข้าไปอีกชั้นหนึ่ง

 

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย  เว็บพนันบอลฝากขั้นต่ำ 100