การถูกค้นพบปราสาทเขาพระวิหาร ใครที่เป็นคนเจอร่องรอยของปราสาทเขาพระวิหารในปีพ.ศ.2442
การถูกค้นพบปราสาทเขาพระวิหาร ปราสาทเขาพระวิหารได้ถูกค้นพบโดย พระเจ้าน้อยยาเธอกรมหลวงสรรพสิทธิ์ประสงค์ซึ่งเป็นพระอนุชาของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวพระองค์ได้จารึกพระนามไว้ที่บริเวณผาชะง่อนผาเป้ยตาดีว่าร.ส1018สันประสิทธิ์ซึ่งได้ตรงกับปีพุทธศักราช2442หลังจากที่ได้ค้นพบประเทศไทยก็ได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่ขึ้นไปครอบครองปราสาทเขาพระวิหาร
ซึ่งประเทศไทยครอบครองปราสาทเขาพรวิหารนานกว่า60ปีจนมาถึงในปีพุทธศักราช2493เขมรได้รับเอกราชจากฝรั่งเศษในปีพุทธศักราช2501ประชาชนชาวเขมรได้มีการเรียกร้องขอปราสาทเขาพระวิหารคือจากประเทศไทย
ซึ่งในทางประเทศไทยได้ประปฏิเสธเขมรจึงได้ตัดความสัมพันธ์กับทางการทูตประเทศไทย ต่อมาเมื่อวันที่6ตุลาคมพุทธศักราช2502เจ้านโรดมสีหนุนายกรัฐมนตรีในขณะนั้นได้ยื่นฟ้องต่อศาสโลก ประเทศเนเธอร์แลนด์เพื่อเรียกร้องอธิปไตยบนปราสาทเขาพระวิหารให้เป็นของกัมพูชาและได้มีการตัดสินประชุมกันทั้งหมด738ครั้ง
ซึ่งได้มี15ประเทศที่ได้เข้าร่วมในการตัดสินโดยลักษณะของการลงคะแนนประเทศที่ลงคะแนนให้ปราสาทเขาพระวิหารเป็นของประเทศไทยมีอยู่3ประเทศคือ อาร์เจนติน่า จีน และ ออสเตรีย ประเทศที่ลงคะแนนให้กัมพูชามีอยู่9ประเทศคือ ญี่ปุ่น เปรุ โปแลนด์ ฝรั่งเศส อังกฤษ ปานามา อียิปต์ อิตาลี และ รัสเซีย และงดออกเสียง3ประเทศคือสหรัฐอเมริกา
เม็กซิโก และ กรีซ ประเทศไทยแพ้ 3 ต่อ 9 เสียงศาสโลกจึงได้ตัดสินเมื่อวันที่15มิถุนายนพุทธศักราช2505นับว่าเป็นการเสียดินแดนไปครั้งที่14เป็นครั้งสุดท้ายของประเทศไทยเมื่อศาสโลกตัดสินและสิ่ง ที่รัฐบาลไทย จะต้องปฏิบัติตามมัดติของศาสโลกมีอยู่ 3 ข้อคือ
( 1 ) ให้ถอนกำลังทหารไทยที่อยู่บนปราสาทเขาพระวิหารที่อยู่ในเขตประเทศไทย
( 2 )ให้รัฐบาลคืนวัตถุโบราณประมาณ50ชิ้นให้แก่รัฐบาลกัมพูชา
( 3 )ให้อธิปไตยเหนือปราสาทเขาพระวิหารเป็นของกัมพูชา
จากนั้นมาปราสาทเขาพระวิหารจึงตกอยู่ภายใต้อธิปไตยของของประเทศกัมพูชา ปราสาทพระวิหารนับตั้งแต่บันไดทางขึ้นเรียกว่าบันไดหน้ามีทั้งหมด162ขั้นผู้สร้างมีเจตนาจะสร้างให้ชันเพื่อให้ผู้ที่จะเข้าไปร่วมประกอบพิธีขึ้นไปแบบหมอบคานบริเวณขั้นบันไดซ้ายและขวาจะมีขั้นบันไดทั้งหมด54ขั้นและราชสีห์54ตัวปัจจุบันเหลือเพียงตัวเดียว
เมื่อพ้นบนไดขั้นที่162จนถึงสพานที่เรียกว่าสะพานนาคราชหรือลานนาคราชขนาดกว้าง7เมตรยาว31เมตร80เซนติเมตรมีจำนวนเศียรนาคราชจำนวนสองตัวหันหน้าไปทางทิศเหนือคล้ายกัลงูจงอางนาคราชสองตัวยังไม่มีรัศมีเป็นศิลปะขอมแบบป่ามวนตามความเชื่อของศาสนาฮินดูสายรุ้งเป็นสพานเชื่อมระหว่างมนุษย์ไปสวรรค์
สนับสนุนเรื่องราวโดย เล่นบาคาร่าให้ได้เงิน