3 อาการเตือนว่าน้ำตาลในเลือดสูง

สำหรับสภาวะอาการน้ำตาลในเลือดสูง (Hyperglycemia) เป็นภาวะที่เกิดขึ้นเมื่อระดับน้ำตาลในเลือดสูงเกินค่าปกติ ซึ่งอาจเป็นผลจากโรคเบาหวานหรือปัจจัยอื่นๆ เช่น ความเครียด การเจ็บป่วย หรือการรับประทานอาหารที่มีน้ำตาลสูง

หากปล่อยให้ภาวะนี้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยไม่ได้รับการดูแล อาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพที่ร้ายแรงได้ เช่น ความเสียหายของเส้นประสาท ตา ไต และหัวใจ ดังนั้น การสังเกตอาการเตือนเบื้องต้นจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้เราจัดการภาวะน้ำตาลในเลือดสูงได้อย่างทันท่วงที

  1. อาการกระหายน้ำบ่อยและปัสสาวะบ่อย

หนึ่งในอาการที่สังเกตได้ชัดเจนของภาวะน้ำตาลในเลือดสูงคืออาการกระหายน้ำบ่อย (Polydipsia) และปัสสาวะบ่อย (Polyuria) ซึ่งเกิดจากกลไกของร่างกายที่พยายามขับน้ำตาลส่วนเกินออกทางปัสสาวะ

เมื่อระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น ไตจะทำงานหนักขึ้นเพื่อกรองน้ำตาลส่วนเกิน หากน้ำตาลในเลือดสูงเกินกว่าที่ไตจะกรองได้ น้ำตาลจะถูกขับออกมากับปัสสาวะพร้อมกับน้ำ ทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำมากขึ้น ส่งผลให้ผู้ป่วยรู้สึกกระหายน้ำและต้องดื่มน้ำบ่อยขึ้น 

 

  1. อาการเหนื่อยล้าและอ่อนเพลีย

อาการเหนื่อยล้า (Fatigue) เป็นอีกหนึ่งสัญญาณที่มักเกิดขึ้นเมื่อระดับน้ำตาลในเลือดสูง ร่างกายของเราต้องการอินซูลินในการนำพาน้ำตาลเข้าสู่เซลล์เพื่อใช้เป็นพลังงาน แต่ในภาวะน้ำตาลในเลือดสูง

กระบวนการนี้มักมีปัญหา เช่น เซลล์ในร่างกายไม่ตอบสนองต่ออินซูลิน หรือปริมาณอินซูลินไม่เพียงพอ ส่งผลให้เซลล์ขาดพลังงานและทำให้รู้สึกเหนื่อยล้าตลอดเวลา นอกจากนี้ การที่ไตต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อขับน้ำตาลออกจากร่างกายก็อาจทำให้เกิดความอ่อนเพลียเพิ่มขึ้น

 

  1. อาการมองเห็นไม่ชัดและแผลหายช้า

ระดับน้ำตาลในเลือดที่สูงเป็นเวลานานสามารถส่งผลต่อหลอดเลือดในดวงตา ทำให้เกิดอาการมองเห็นไม่ชัด (Blurred Vision) ผู้ป่วยอาจมองเห็นภาพเบลอหรือมีปัญหาในการมองเห็นในระยะเวลาสั้นๆ หากไม่ได้รับการดูแล

อาการนี้อาจนำไปสู่ปัญหาด้านการมองเห็นในระยะยาว นอกจากนี้ การที่น้ำตาลในเลือดสูงยังส่งผลต่อการไหลเวียนของเลือดและการซ่อมแซมเซลล์ในร่างกาย ทำให้แผลต่างๆ หายช้ากว่าปกติ ซึ่งอาจเป็นปัญหาใหญ่สำหรับผู้ป่วยเบาหวานที่มีแผลเปิด โดยเฉพาะบริเวณเท้า

การป้องกันและดูแล

หากพบว่ามีอาการเหล่านี้ การปรึกษาแพทย์เพื่อวินิจฉัยและจัดการอย่างเหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญ ผู้ป่วยสามารถป้องกันภาวะน้ำตาลในเลือดสูงได้ด้วยการปรับพฤติกรรม เช่น การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ

เครื่องช่วยฟัง     และควบคุมระดับความเครียด การตรวจเช็คระดับน้ำตาลในเลือดเป็นประจำก็ช่วยให้สามารถติดตามภาวะนี้ได้ดีขึ้น หากได้รับการดูแลอย่างถูกต้องและทันเวลา จะช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคแทรกซ้อนและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นในระยะยาว